31 มกราคม 2554

อ่านหนังสือให้เวิร์ค มาจัดตารางเวลากัน !!

1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
เวลาที่เหมาะสมหมายถึง เวลาที่เราอยากจะอ่านหนังสือ หรือว่างจากงานอื่น หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด ซึ่งเวลาของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้า บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคน ต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเอง และควรจัดเวลาอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง

2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา
ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า การอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน

3. ลงมือทำ
ข้อนี้สำคัญมาก คือ ต้องลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง และต้องจริงจัง

4. ตรวจสอบผลงาน
ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ เมื่ออ่านแล้วก็ต้องจดบันทึกไว้ด้วย เพราะจะได้รู้ว่า อ่านไปถึงไหนแล้ว และได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นเอง แล้วทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง จะได้เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ หรืออ่านตอนใกล้สอบ


อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/content/education/16988/อ่านหนังสือให้เวิร์ค-มาจัดตารางเวลากัน-.php#ixzz1CcfvPQQU

ตัวย่อภาษาอังกฤษน่ารู้

แต่นอกจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่พี่แนนต้องฝึกท่องตั้งแต่ Ant แอ๊น มด Cat แคท แมว แล้ว (ประถมไหนเนี่ย พี่แนน...) พี่แนนก็ไปเจอตัวย่อภาษาอังกฤษมาด้วยค่ะ บางคำก็เคยเห็นอยู่ประจำ แต่ไม่รู้ความหมายเต็มๆ ซึ่งตัวย่อพวกนี้ ก็เป็นคำที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน แต่ไม่ใช้กับทางการเท่าไหร่นะคะ เอาไว้คุยเล่นกับเพื่อนขำๆ มากกว่า มีคำว่าอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลย เลทสะโก้ๆๆๆๆ (พี่แนน...เค้าเขียนว่า Let's go)

A


ASAP = As soon as possible = เร็วสุดเท่าที่เร็วได้
ATM = At the moment = ในตอนนี้ (ไม่ใช่ตู้ ATM นะ แต่ย่อเหมือนกัน)

B

BC = Because = เพราะว่า
BG = Big grin = (ยิ้มอยู่)
BOTOH = But on the other hand = แต่ในทางกลับกัน
BTDT = Bee n there, done that = ไปมาแล้วทำเรียบร้อยแล้ว
BTW = By the way = อย่างไรก็ตาม

C

COZ = Because = เพราะว่า
CU = See you = แล้วเจอกัน
CUL or CUL8R = See you later = แล้วเจอกัน

E

EZ = Easy = ง่าย

F

FAQ = Frequently asked questions = คำถามที่ถามบ่อย
FYI = For your information = แจ้งเพื่อรับทราบ

G

GJ = Good job = ทำได้ดีมาก!
GL = Good luck = โชคดีนะ
GRT = Great = เยี่ยม!
GW = Good work = ทำได้ดีมาก

H

HAND = Have a nice day = โชคดีนะ

I

IC = I see = เข้าใจล่ะ

IMO = In my opinion ฉันคิดว่า...
IMPOV = In my point of view = ฉันคิดว่า....
IOW = In other words = ถ้าจะพูดอีกอย่างก็..
IRL = In real life = ในชีวิตจริง

J

JIC = Just in case = เผื่อไว้
JTLYK = Just to let you know = แค่บอกให้รู้ไว้

K

KIS = Keep it simple = เอาง่ายๆ
KIT = Keep in touch = ติดต่อกันอีกนะ

L

LOL= Laughing out loud = หัวเราะ 555+

N

NBD = No big deal = ไม่มีปัญหา เรื่องเล็กน้อย
NP = No problem = ไม่มีปัญหา
NVM = Never mind = ไม่เป็นไร

O

OMG = Oh my god = โอ้ พระเจ้า

P

PCM = Please call me = โทรมาหาที
PLS = Please = ได้โปรด
PLZ = Please = ได้โปรด

Q

Q = Question = คำถาม

S

SIT = Stay in touch = แล้วติดต่อกันใหม่
SOZ, SRY = Sorry = ขอโทษที
SYS = See you soon = แล้วพบกันใหม่

T

THX = Thanks = ขอบใจจ้า
TIA = Thanks in advance = ขอบคุณล่วงหน้า
TY = Thank you = ขอบคุณ

U

U = You = คุณ

W


WB = Welcome back = ขอต้อนรับกลับมา
WFM = Works for me = สำหรับฉันแล้วได้ผลนะ

X

XOXO = Hugs and kisses = รักนะจุ๊บๆ

Y

Y = Why = ทำไมหละ
YW = You are welcome ด้วยความยินดี



อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/content/education/17548/ตัวย่อภาษาอังกฤษน่ารู้-ดู-ดู๊-ดู....php#ixzz1CcemCcPW

อ่านหนังสือหนัก เพลียและล้า มีวิธีแก้จ้า


1.แก้ร่างกายเมื่อยขบ เปลี้ยล้า

ใช้การบริหารร่างกาย หรือวิธีโยคะเข้าช่วย เช่น บิดตัวไปทางซ้าย หมุนกลับมาทางขวาช้า ๆ เมื่อยคอให้เงยหน้าช้า ๆ ขึ้นลงหลาย ๆ ครั้ง อาจใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดทั่วใบหน้าและลำคอแรง ๆ แล้ว นวดบางจุดเบา ๆ หรือใช้น้ำลูบหน้าหากอยู่ที่บ้านอาจใช้วิธีดัดตน เช่น นั่งคุกเข่าข้างฝาห้อง หันหน้าออกก้มหัวยันพื้นใช้เท้าไต่ขึ้นบนฝาผนังห้อง จนตัวตั้งตรง ปล่อยเท้าทีละข้างให้เอนไปข้างหน้าช้า ๆ สลับไปมาเลือดจะเข้าสมองมากขึ้น ออกซิเจน จะไปเลี้ยงเซลล์ประสาท เพิ่มขึ้นช่วยแก้ความเปลี้ยล้าได้มาก

2.แก้ความง่วง เบื่อ ไม่อยากอ่าน

ใช้การหายใจช่วย ครั้งแรงพ่นอากาศออกจากปอดผ่านจมูกให้แรงที่สุด จนหมดสิ้นห่อปากให้เป็นรูเล็ก ๆ แล้วพ่นอากาศเสียที่หลงเหลืออยู่ออกไปจนหมด ค่อย ๆ สูดอากาศดีผ่านจมูกเข้าปอดช้า ๆ อาจนับ 1 ถึง 15 ช้า ๆ ให้อากาศอัดแน่น เต็มปอดจนสุดจะหายใจเข้าได้อีก แล้วหายใจออกช้า ๆ เหมือนข้างต้น ทำดังกล่าว 2-3 ครั้ง จะแก้ความง่วง เบื่อการอ่านลงไปได้ (แนะนำว่าถ้าง่วงมากๆ ก็อย่าฝืนนะคะ เพราะหากเรารู้สึกทึบ ๆ หรือไม่สบายในวันสอบก็ทำข้อสอบไม่ได้ดีหรอกค่ะ ให้ฟุบลงซักพัก หรือนอนพักสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ดีนะคะ)

3.แก้ความเปลี้ยของการใช้สายตา

เมื่อใช้สายตานานควรพักเสียบ้าง ให้มองสิ่งที่อยู่ไกลโล่ง ๆ ดูยอดไม้เขียว ๆ มองภาพหรือทิวทัศน์ (ทัศนียภาพ) ที่ห่างออกไปมาก ๆ ถ้าเป็นเวลากลางคืน ให้มองท้องฟ้า ดูดาวอันระยิบระยับ กล้ามเนื้อตาจะค่อย ๆ คลายตัว ถ้าอยู่ในห้องใช้การมองผนังห้องติดรูปภาพทิวทัศน์ต่าง ๆ จะช่วยได้มาก หรือดูทิวทัศน์จากหน้าต่าง มองให้ไกลออกไปให้เต็มที่ (เต็มตา) แล้วหลับตา ทำจิตให้สงบสร้างสมาธิด้วยการหายใจเข้าออกช้า ๆ หายใจเข้าให้เต็ม (ปอด) หายใจออกให้หมด จะช่วยแก้ความเปลี้ยและอาการปวดตาลงได้

อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/content/education/17915/อ่านหนังสือหนัก-เพลียและล้า-มีวิธีแก้จ้า.php#ixzz1Ccd6FnDj

10 เคล็ดลับพิชิตสูตรคำนวณ

1. ปิดคอมพิวเตอร์ ปิดทีวี เพลง หรือสิ่งเร้าที่เราคิดว่า เราอ่านหนังสือนานไม่ได้แน่ๆ ไม่มีสมาธิแน่ๆ ให้ปิดไปเลย หรือนำมันไปไกลๆเลย

2. ห้ามนั่งอ่านหนังสือ หรือนอนอ่านหนังสือบนเตียงเด็ดขาดดดด!! เพราะรับรองได้เลยว่า คุณอ่านไปไม่ถึง 2 ชั่วโมง หนังตาของเราอาจจะเริ่มปิดก็เป็นได้

3. เตรียมหนังสือพวกที่เป็นตะลุยโจทย์ ,หนังสือเรียน ,หนังสือคู่มือที่มีเนื้อหาบทเรียน ,หนังสือสรุปสูตรในแต่ละบท

4. ขอสมุดคู่ใจ ที่เราคิดว่าชอบเล่มนี้ อยากเขียนลงไป อยากพกติดตัว จะมีเส้นหรือไม่มีเส้นก็ได้ตามความถนัดของแต่ละคนเลย

5. เตรียมปากกาสี,ปากกาเน้น ไว้ข้างๆ กายเลย เพื่อช่วยในการจดจำ น่าอ่านอีกด้วย

6. เมื่อเตรียมอุปกรณ์ ครบพร้อมหมดแล้ว ขอให้คุณหลับตานั่งนิ่งๆ สัก 3-5 นาที หรือจะเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ หรือเพลงโมสาร์ท หลับตานั่งฟังสัก 1 เพลงจบก็ได้

7. เปิดหนังสือเรียน หรือหนังสือคู่มือ ที่มีเนื้อหาของบทเรียนที่เราจะอ่าน แล้วเริ่มจดสูตร หรือข้อความสรุป ข้อความสำคัญเขียนแบบสั้นๆ และสรุปอย่างได้ใจความ ลงไปในสมุดเล่มโปรด แล้วสามารถนำปากกาสีมาเขียนมิกส์กันให้น่าอ่านได้ด้วย ข้อความไหนสำคัญก็ให้ใช้ปากกาเน้นไว้เลยย

สำหรับบางคนที่ไม่ชอบอ่านแล้วต้องมานั่งสรุปในสมุด ก็สามารถใช้ปากกาสีขีดใต้ข้อความสำคัญ หรือใช้ปากกาเน้นข้อความลงไปในหนังสือคู่มือหรือหนังสือเรียนเลยก็ได้

8.เมื่อได้เนื้อหาสาระสำคัญๆ รวมถึงสูตรต่างๆแล้ว ก็ขอให้ลองนั่งท่องจำสักพักนึง จนคิดว่าน่าจะจำได้แล้ว และลองปิดหนังสือ ปิดสมุด เขียนสูตรที่เราจำได้,ข้อความหรือทฤษฎีที่เราท่องไว้นั้น มาเขียนในเศษกระดาษดูหลังจากนั้นตรวจทานและเช็คดูในหนังสือว่า ตรงกันกับที่เราเขียนไหม สูตรครบหรือเปล่า ทฤษฎีแม่นจริงไหม

9. เมื่อเราจำสูตร ทฤษฎี ข้อความที่เราสรุปได้แล้ว ก็นำหนังสือตะลุยโจทย์มานั่งทำโจทย์ไปเลย หากลืมสูตรก็เปิดดูสูตรนั้นอีกครั้ง และทำโจทย์ที่ใช้สูตรนั้นหลายๆ ข้อ มันจะทำให้เราสามารถจำสูตรได้เองอัตโนมัติ บางทีโจทย์แต่ละข้อนั้น ก็จะมีการพลิกแพลงสูตรด้วย เพราะฉะนั้นต้องฝึกทำโจทย์หลายๆ แนว หลายๆ ข้อ ย้ำ!! สูตรและทฤษฎีต้องจำและแม่นจริงๆด้วยนะ

10. เมื่อตะลุยฝึกโจทย์ไปแล้วจนเราเริ่มจำสูตรได้จริงๆ เริ่มรู้แนวโจทย์ของแต่ละบทแต่ละสูตรแล้วขอให้คุณลองเขียนทฤษฎี สูตรทั้งหมด ข้อความที่สำคัญๆ ลงในกระดาษว่างๆ 1 แผ่น เขียนเท่าที่จำได้
"แล้วลองคิดสิว่า ที่เราจำได้เท่านี้ จะดีพอไปสู่การสอบได้แล้วหรือยัง"

หากยัง ขอให้อ่านหนังสือ และตะลุยโจทย์เป็นเรื่องๆ ต่อไป เพราะยังไงถึงแม้เราทำแล้วผลออกมาเราอาจจะสอบตก แต่เราอย่าได้เสียใจ เพราะอย่างน้อยเราได้เต็มที่กับสิ่งที่เราทำไปแล้ว และอย่าท้อแท้ สิ้นหวังได้ง่ายๆ เพราะยังไงคนที่จะประสบความสำเร็จได้ คงไม่พ้นความพยายาม



อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/content/education/18108/10-เคล็ดลับพิชิตสูตรคำนวณ.php#ixzz1CccV67Xe

3 ช่วงเวลาอ่านหนังสือ ชนะเลิศชัวร์


ช่วงแรก ช่วงก่อนเปิดเทอมหรือช่วงปิดเทอม

เป็นเวลาแห่งการช่วงชิงความรู้ที่ดีที่สุด หยิบหนังสือเรียนออกมาทั้งหมด วางไว้มุมหนึ่งของโต๊ะ เปิดอ่านวันละนิดละหน่อย ทำความเข้าใจ แม้จะงงๆ อยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร แค่ได้อ่านก็พอแล้ว

ช่วงที่สอง ช่วงก่อนไปโรงเรียนหรือช่วงก่อนเวลาเรียน

ลองตื่นเช้ากว่าปกติสักครึ่งชั่วโมงเพื่อมาอ่านบทเรียนที่ต้องเรียนในวันนี้ สักยี่สิบนาทีก็พอ อีกสิบนาทีทำตัวขี้เกียจเพื่อให้สมองได้พักผ่อน(ชอบจัง) แบบว่าอ่านแบบชิวๆ สบายๆ ไม่ต้องเคร่งเครียด หรืออาจจะอ่านก่อนเวลาชั่วโมงเรียน แต่ไม่อยากจะแนะนำสักเท่าไหร่สำหรับคนที่เรียนชั่วโมงต่อชั่วโมง สำหรับคนที่เรียนแบบชั่วโมงนี้เรียน ชั่วโมงนี้ว่าง เหมือนโรงเรียนของต่างประเทศที่เข้าเรียนเป็นวิชาๆ หรือระดับมหาวิทยาลัยใช้ได้ค่ะ แต่อย่าเครียดจนเกินไป แค่อ่านให้รับรู้ว่าเราอ่านมาแล้วก็พอ

ช่วงที่สาม ช่วงเย็นหลังเลิกเรียน

อันนี้รู้สึกจะไม่ได้จัดอยู่ในหมวดทำความเข้าใจก่อนเข้าเรียน (อิอิ) แต่ถือว่าจำเป็นมากโข เพราะเป็นการทบทวนไม่ให้เราลืมสิ่งที่เพิ่งเรียนไป อ่านแค่พอระลึกชาติก็พอ อย่าเครียดเด็ดขาดเลย


อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/content/education/18461/3-ช่วงเวลาอ่านหนังสือ-ชนะเลิศชัวร์.php#ixzz1CcbCiV9C

ว้าว "สมการคณิตศาสตร์" บอกรักได้ด้วย..

สำหรับเรื่องเรียนๆ จะไปเกี่ยวกับเรื่องรักๆได้ยังไง พี่แนนก็หามาให้เกี่ยวจนได้ค่ะ อย่างวันนี้ พี่แนนมีวิธีบอกรักแบบแนวๆ แต่เป็นแนววิชาการนิดๆ ค่ะ ด้วยการบอกรักแบบ "คณิตศาสตร์" โห แค่ได้ยินก็ยากแล้ว แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับเนียนๆ ค่ะ แบบว่า แอบปิ๊งเด็กเรียน เด็กเนิร์ด ที่เผอิญเข้าตา ก็แบบไปขอให้สอนการบ้านข้อนี้หน่อย ประมาณนี้เลยค่ะ เริ่มสนใจกันแล้วใช่ไหมเอ่ย??

การบอกรักแบบคณิตศาสตร์ คือการบอกรักด้วย "สมการ" ค่ะ ซึ่งมีหลายสมการเลยหล่ะ เอ...แล้วมันจะบอกรักได้ยังไง มาดูตัวอย่างแรกกันคะ

โจทย์ สมการนี้คือ







กราฟนี้หวานสุดๆนะคะ แต่ไม่ได้มีแค่สมการเดียวนะคะ ยังมีอีกหลายแบบให้ชาวเด็กดีนำไปใช้กันด้วย ตามนี้เลยค่ะ


ชาวเด็กดีได้ดูแล้ว นำไปลองใช้กันได้นะคะ แบบว่ายื่นสมการไปให้คนที่เราหมายตาเลย อาจจะใช้เวลานาน ก็เให้เค้าใช้ความพยายามกับเรานะคะ เวลาเค้าเห็นสมการนี้ ก็จะคิดถึงแต่เราตลอดๆ (ฮ่าๆ) หรือถ้าใจร้อน ก็แอบเอาเฉลยไปให้เค้าดูก็ได้ .....เป็นการบอกรักอีกแนว ที่แฝงด้วยความรู้นะคะเนี่ย อิอิ ขอให้มีความสุขกันทุกคนนะคะ โย่ว !!!

อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/content/education/19079/ว้าว-สมการคณิตศาสตร์-บอกรักได้ด้วย...php#ixzz1CcZJau6G

ประโยคไหนต้องมีในเฟรนด์ชิพ


แต่นอกจากความซึ้งในบล็อคแล้ว ก็คงต้องมีเฟรนด์ชิพกันใช่ไหมคะ ซึ่งเฟรนด์ชิพเล่มนี้ มีค่าสุดๆ ต้องเก็บไว้ให้ดี เพราะมีทั้งความทรงจำ ความรู้สึกจากเพื่อนๆ ที่เขียนถึงเรา คำอวยพรดีๆ ที่อยู่เพื่อน บางทีก็มีคราบน้ำตาของเพื่อนเราด้วย เพราะในเฟรนด์ชิพเล่มนี้ นอกจากจะเขียนกันอย่างเต็มเหนี่ยวแล้ว บางคนก็ใส่สีสันคัลเลอร์ฟูลเต็มที่ ประดิษฐ์กันสุดๆ บางทีก็เอารูปที่ถ่ายร่วมกันมาติดไว้ บางรูปก็เป็นโอกาสพิเศษ แอบถ่าย พร้อมบรรยายให้เด็ดจนลืมไม่ลงเลยก็มี

ส่วนคำบรรยายความรู้สึกที่มีต่อเพื่อน ก็ต้องมีประโยคยอดฮิตที่ต้องมีในเฟรนด์ชิพ เฟรนด์ชิพของเพื่อนๆ ก็มีเยอะแยะเลยค่ะ บางประโยคก็เป็นคำสั้นๆ แต่ความหมายกินใจ รู้ซึ้งถึงตับไตไส้พุงกันเลย บางประโยคก็แอบฮาทิ้งทวนได้อีก เช่น

- อย่าลืมกันนะ -
- อย่าลืมเพื่อนคนนี้นะ ลืมไปมีเคือง(อันนี้มีขู่แฮะ) -
- เพื่อน...ชั้นรักแกว่ะ -
- เรา...รัก...กัน -
- จะคิดถึงเสมอ -
- Forever friend -
- Forget me not -
- โชคดี... -
- เงินที่ยืมไป...เมื่อไหร่ได้คืน -
- ถ้าแกลืมชั้น...แกเป็นหมันแน่!!! (ใครได้อันนี้ห้ามลืมนะ ฮ่าๆ) -

ประโยคสั้นๆ ที่พี่แนนรวบรวมมา เป็นส่วนเล็กๆ ที่ยังไงก็ต้องเจอในเฟรนด์ชิพค่ะ แต่ก็มีอีกมายที่ความหมายเจ๋งๆ แถมซึ้งอีกเพียบเลยหล่ะค่ะ แต่ทุกประโยคก็มีค่าและมีความหมายสำหรับเพื่อน ๆไม่ต่างกัน เพราะทุกประโยค ทุกตัวอักษร ก็เป็นเหมือนที่ระลึก ให้เราได้นึกถึง ทุกความผูกพันธ์ ทุกความรัก ทุกเหตุการณ์ที่เราได้ทำร่วมกันมาตลอดระยะเวลาของความเป็น "เพื่อน" กัน

"ขอเพียงจริงใจให้กันไว้ เนิ่นนานแค่ไหน
มิตรภาพไม่เปลี่ยนแปลง
น้ำใจเพื่อนไม่เคยแห้งแล้ง
กอดคอกันไว้ เพื่อนกันตลอดไป..."

จากเพลง เพื่อนกัน - รวมศิลปิน RS UNPLUGGED