30 มิถุนายน 2553

10 สายพันธุ์สุนัขที่ฉลาดที่สุดในโลก


1.border collie
เป็นสุนัขเลี้ยงแกะ ที่มีความสามารถมาก มีความสามารถขนาดไหน ถ้านึกไม่ออก ให้นึกถึง ภาพยนตร์เรื่อง Babe สุนัขที่สอนหมูให้
ต้อนฝูงแกะไง... นั่นแหละบอร์เดอร์ คอลลี นอกจากนี้ บอร์เดอร์ คอลลี ยังถูกใช้เป็นสุนัขตามหา คนที่หลงทางในภูเขา และนำทาง
คนตาบอดอีกด้วย

ต้นกำเนิดของบอร์เดอร์ คอลลีมาจากสก็อตแลนด์ เช่นเดียวกับคอลลีพันธุ์อื่นๆ ความสามารถพิเศษของบอร์เดอร์ คอลลี คือ การ
ทำงานได้อย่างเงียบเชียบ นุ่มนวล มันมักจะคืบคลาน หัวและหางเรี่ยอยู่ระดับพื้นดิน ใช้สายตาจ้องมองฝูงสัตว์ พร้อมจะกระโจนไล่
ต้อนฝูงสัตว์ หากได้รับคำสั่งจากเจ้านาย จากลักษณะดังกล่าวนี้เอง จึงคาดกันว่า บอร์เดอร์ คอลลี น่าจะเกิดจากการผสม ข้ามพันธุ์
ระหว่างคอลลี กับเซตเตอร์ หรือพอยเตอร์ หรือสเปเนี่ยน สุนัขพันธุ์นี้ถูกใช้เป็นสุนัขต้อนฝูงแกะมานาน โดยเฉพาะบริเวณชายแดน
ระหว่างอังกฤษ กับสก็อตแลนด์ จนเป็นที่มาของชื่อ บอร์เดอร์ คอลลี แต่มาตรฐาน ของสุนัขพันธุ์นี้ เพิ่งเป็นที่ยอมรับของสมาคมผู้
เลี้ยงสุนัข แห่งอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1976



2.poodleในบรรดาพันธุ์สุนัขทั้งหลาย พันธุ์ poodle ที่ถูกเพาะมาอย่างดี ถือเป็นพันธุ์ที่เฉลียวฉลาด และมีความรับผิดชอบสูงที่สุด poodle
ทั้ง 3 ชนิดเป็นสุนัขที่ร่าเริง ขี้เล่น ช่างประจบเอาใจ มีพลังงานเหลือล้น มีสเน่ห์ และต้องการเป็นที่พอใจของเจ้าของตลอดเวลาี่เมื่อ
เลี้ยงแล้ว เค้าจะมีความผูกพันธุ์สูงมากกับเจ้าของ เรียกได้ว่า รักถวายชีวิตทีเดียว ดังนั้น การเลี้ยงเค้าไม่ได้ตลอดไป หรือต้องให้
เค้าไปอยู่กับผู้อื่นเมื่อเค้าโตขึ้น จะเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจเค้ามาก และอาจนำพา มาสู่พฤติกรรมที่ผิดปกติได้

เค้าจะชอบที่จะทำงานมีส่วนร่วมกับเจ้าของ และเข้ากันได้ดีกับสัตว์ชนิดอื่น Minature และ Toy Poodle จะเข้ากันกับคนแปลกหน้า
และเด็กได้ดีกว่า Standard Poodle แต่อย่างไรก็ตาม ลักษณะของการกัดคนแปลกหน้ามักพบใน Minature และ Toy ได้มากกว่า



3. german shepherd
เยอรมัน เชพเพิร์ด หรือ ดอยต์เชอ เชฟเฟอร์ฮุนด์ หรืออีกชื่อที่นิยมเรียกกัน คือ อัลเซเซียน นั่นเอง สุนัขพันธุ์นี้ถือว่าเป็นสุนัขที่คน
นิยมเลี้ยงกันมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะมีความฉลาด สอนง่าย และกระตือรือร้นตลอดเวลา แต่เดิมคนใช้สุนัขพันธุ์นี้ไว้ต้อนแกะ
แต่ปัจจุบันได้นำมาพัฒนาเพื่อใช้งานหลายด้าน เนื่องจากฉลาดในการรับรู้สิ่งต่างๆ เป็นสุนัขที่มีมีถิ่นกำเนิดในอยู่ในประเทศเยอรมัน
เกิดขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1800

ลักษณะประจำพันธุ์ สุนัขพันธุ์นี้มีลำตัวค่อนข้างยาว มีช่วงปากที่ยาวเกินครึ่งของความยาวใบหน้า ลักษณะหูตั้ง ปลายหูเรียวเล็ก
บริเวณใบหน้า ลงมาถึงจมูก จะมีสีขนที่เข้ม ขาหลังมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ลักษณะหางจะตกและมีขนหนา



4. golden retrieverโกลเดน รีทรีฟเวอร์ ,รีทรีฟเวอร์ขนสีเหลือง หรือ รัสเซียน รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ตื่นตัว และตอบสนองคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว แต่เดิม
ใช้งานเพื่อหานกที่ถูกยิงตกนำมาให้เจ้าของ เนื่องจากมีสีขนสวยงามจึงทำให้ได้รับความนิยมมาก สุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศ
อังกฤษ ว่ากันว่าพัฒนามาจากสุนัขในคณะละครสัตว์ของชาวรัสเซีย กำเนิดราว ค.ศ. 1800 แต่เดิมมีชื่อว่า สุนัขพันธุ์ขนเรียบทอง
จนในปี ค.ศ. 1900 ได้ถูกตั้งชื่อให้ว่า โกลเดนรีทรีฟเวอร์

ลักษณะประจำพันธุ์ สุนัขพันธุ์นี้จะมีลักษณะหัวกว้างและมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูค่อนข้างใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม ปรกลงมา
ด้านข้าง มีขน2แบบคือ เรียบกับเป็นลอน ขาหน้าตรงแข็งแรง เท้ากลมคล้ายเท้าแมว ลักษณะหางชี้ตรงระดับเดียวกับหลัง ขนบริเวณ
หางจะยาวและหนา



5. doberman pinscher
นี่คือสายพันธุ์ที่มีจุดกำเนิดเมื่อไม่นานมานี้ เขาถูกพัฒนาใน ค.ศ.1860 พอสันนิษฐานได้ว่าเป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่า German
Pinschers กับ Rottweilers, Beauceron Pinschers} Greyhounds และ English Greyhound เพื่อสร้าง Doberman Pinscher
ที่ผอมและมีสติปัญญาสูง ผู้ให้กำเนิดของการผสมข้ามพันธุ์คือคนเก็บภาษีชาวเยอรมันชื่อ Louis Doberman ซึ่งได้เดินทางผ่านพื้น
ที่ที่มีโจรรังควาญบ่อยๆเลยตัดสินใจที่จะสร้างสุนัขเฝ้าบ้านและสุนัขอารักขาซึ่งสามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ซึ่งอาจเกิดขึ้น มีการ
อ้างอิงชื่อผู้ให้กำเนิดของเขา Doberman ได้รับการนำเสนอครั้งแรกที่สนามโชว์สุนัขใน ค.ศ.1876 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทันที



6. shetland sheepdog
อาจจะสืบเชื้อสายมากจาก Rough Collies ซึ่งถูกนำไปที่เกาะ Scottish Island ของ Shetland และผสมข้ามสายพันธุ์กับ Icelandie
Yakkin สุนัขเกาะตัวเล็ก (ปัจจุบันไม่ได้รับการยอมรับต่อไป) โดยนำไปบนเรือของชาวประมง ใน ค.ศ.1700 สายพันธุ์ได้รับการพัฒนา
จนสมบูรณ์ เป็นเวลาร่วมศตวรรษที่สุนัขเล็กเหล่านี้ถูกให้ต้อนแกะและอารักขาฝูงแกะของ Shetland เกาะที่มีพายุแยกออกไปจาก
ชายฝั่งทะเลที่ซึ่งสัตว์จำนวนมากมายค่อนข้างเล็กน้อยด้านความสูง ความประณีตของการผสมได้มักเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ในศตวรรษที่
20 ภายหลัง Shetland ถูกส่งออกไป Scotland ซึ่งเป็นแผ่นดินใหญ่ของประเทศอังกฤษและประเทศไกลโพ้น Sheltie ตัวเล็กเหล่านี้
เป็นสุนัขอ่อนโยนมากเมื่อต้อนปศุสัตว์ตัวเล็ก เป็นหนึ่งของสายพันธุ์ที่แข่งขันการเชื่อฟังได้ยอดเยี่ยม Sheltie เป็นสุนัขทำงานที่สง่างาม
และตั้งใจ พวกเขาได้รับการยอมรับครั้งแรกในประเทศอังกฤษใน ค.ศ.1909 และจดทะเบียนครั้งแรกในอเมริกาใน ค.ศ.1911 เพราะ
นิสัยที่ใจดี ทุกวันนี้กลายเป็นหนึ่งของสุนัขที่เป็นเพื่อนซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด ความสามารถพิเศษของ Sheltie ได้แก่ การตามรอย
ต้อนสัตว์ เฝ้าบ้าน อารักขา ฉลาดเฉลียว แข่งขันการเชื่อฟังและเล่นกล




7. Labrador Retriever
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ นิสัยเป็นมิตร ฉลาด และตอบสนองคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว เป็นสุนัขที่มีหางต่างจาก สุนัขพันธุ์รีทรีฟเวอร์ทั่วไป
คือ มีโคนหางใหญ่หนาและเรียวไล่ลงจนถึงปลายหางโดยไม่มีพู่หาง แต่เดิมใช้เพื่อช่วยงานชาวประมงลากอวนเข้าฝั่ง ต่อมาได้ถูก
พัฒนาความสามารถให้เป็นสุนัขนำทางคนตาบอด และตรวจค้นยาเสพติด,วัตถุระเบิด สุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในนิวฟาวนด์แลนด์
ประเทศแคนาดา กำเนิดในราว ค.ศ. 1800

สุนัขพันธุ์นี้จะรูปร่างเหมือนกับสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สีขนจะเป็นสีเดียวกับทั่วทั้งลำตัว มีทั้งสีดำ ขาว น้ำตาลอ่อน และน้ำตาล
เข้ม ลักษณะขนสั้นเป็นสองชั้น ส่วนหัวกว้าง ขอบบนของเบ้าตาเป็นสันนูนขึ้นเล็กน้อย มีช่วงไหล่ที่กว้าง


8. papillon
คำว่า PAPILLON อ่านว่า ปา-ปิ-ยอง เป็นคำ ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึงผีเสื้อ สุนัขพันธุ์นี้ เป็นสุนัข SPANIEL ที่มีขนาดเล็กกว่า
SPANIEL ขนาดธรรมดามาก นิยมเลี้ยง กันอย่างแพร่หลาย ในคริสตศตวรรษที่ 16 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่สตรีผู้สูงศักดิ์ เช่น
MADAME POMPADOUR และ MARIE ANTOINETTE ในสมัยนั้น มีการค้าขายสุนัขพันธุ์ นี้กันอย่างกว้างขวางโดยมี SPAIN
เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุด ส่วนหูของ PAPILLON มีลักษณะ คล้ายผีเสื้อ

ลักษณะนิสัย เป็นสายพันธุ์ที่ฉลาดอย่างน่าทึ่ง แข็งแรง กล้าหาญกว่าที่คิด รักเจ้าของ และพร้อมจะปกป้องเจ้าของ จากผู้บุกรุก
ชนิดยอมตายถวายชีวิตเลย ขี้เล่นและกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งรอบข้าง เป็นมิตร สง่างาม ลักษณะการเดินหรือท่าทางน่ารัก



9. rottweiler
สุนัขพันธุ์นี้ไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัดว่ามีถิ่น กำเนิดอยู่ที่ใดเป็นสุนัขที่มีประวัติเก่าแก่ พันธุ์หนึ่งในสมัยโรมัน เมื่อชาวโรมันยกทัพไป
รุกรานชาติอื่น มักจะเดินทางรอนแรมนับเดือน และจะต้องเตรียมสเบียงอาหารไปด้วย โดยการพาฝูงสัตว์ติดไปด้วย ในสมัยนั้น ชาว
โรมันนิยมใช้สุนัขพันธุ์ ROTTWEILER ช่วยต้อนฝูงสัตว์ และเป็นสุนัขเฝ้ายามใน เวลากลางคืน ชื่อ ROTTWEILER ได้มาจากชื่อ
เมือง ROTTWELL ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าสัตว์ในสมัยศตวรรษที่ 12 ปัจจุบันนิยม นำสุนัขพันธุ์นี้มาใช้ในกิจกรรมของกรมตำรวจ
ทหาร ตลอดจนเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านด้วย.


10.australian cattle
ออสเตรเลียน แคทเทิล ด็อก หรือ ออสเตรเลียน ควีนแลนด์ เป็นสุนัขที่ได้ชื่อว่า อายุยืนที่สุดในโลก ( มากที่สุด 29 ปี ) และเป็นสุนัข
ที่มีความกล้าหาญ มุ่งมั่น แต่เดิมใช้ต้อนฝูงโค สามารถคุมฝูงโคได้ดี โดยไม่ต้องส่งเสียงเห่าหรือวิ่งพล่านรอบตัวโค

เป็นสุนัขที่มีสายพันธุ์เกี่ยวเนื่องกับ สุนัขดิงโก มีถิ่นกำเนิดในอยู่ในประเทศออสเตรเลีย เกิดขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1800

ลักษณะประจำพันธุ์สุนัขพันธุ์นี้ จะมีใบหูใหญ่ทรงสามเหลี่ยมตั้งขึ้น ช่วงลำคอหนา ตลอดทั้งลำตัว โดยเฉพาะส่วนหัว จะมีขนสีขาว ๆ
ขึ้นแซมประปราย หางยาวไม่ถึงข้อขา ลักษณะหางจะตกโค้งเล็กน้อย

การพัฒนาระบบสารสนเทศ

ระบบสารสนเทศ (Information System ) หมายถึง ระบบที่มีการนำคอมพิวเตอร์
มาช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ หรือจัดการกับข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ข้อมุลนั้นกลายเป็น
สารสนเทศที่ดี สามารถนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว
และถูกต้อง

ระบบสารสนเทศประกอบด้วยองค์ประกอบดังนี้
1. Hardware หมายถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในการจัดกระทำกับข้อมูล
ทั้งที่เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องคิดเลข
2. Software หมายถึง ชุดคำสั่ง หรือเรียกให้เข้าง่ายว่า โปรแกรม ที่สามารถ
สั่งการให้คอมพิวเตอร์ทำงานในลักษณะที่ต้องการภายใต้ขอบเขตความสามารถที่เครื่อง
คอมพิวเตอร์ หรือโปรแกรมนั้น ๆ สามารถทำได้ ซอร์ฟแวร์แบ่งออกเป็น ซอร์ฟแวร์ระบบ
และ ซอร์ฟแวร์ประยุกต์
3 User หมายถึง กลุ่มผุ้คนที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศ
4. Data หมายถึง ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่อาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
ตัวหนังสือ แสง สี เสียง สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ภาพ วัตถุ หรือ หลาย ๆ อย่างผสมผสาน
กัน ซึ่งข้อมูลที่ดีจะต้องตรงกับความต้องการของผู้ใช้
5. Procedure หมายถึง ขั้นตอน กระบวนการต่าง ๆ ในการปฏิบัติงาน
ในระบบสารสนเทศ

เมื่อทั้่ง 5 ส่วนดังกล่าวข้างต้น ทำงานประสานกัน ส่งผลให้ข้อมูลเกิดการ
ประมวลผลและนำไปใช้ประโยชน์ นั่นก็คือ สารสนเทศนั่นเอง
ซึ่งสารเสนทศนี้จะเป็นสารสนเทศที่ดี จะต้องเป็นสารสนเทศที่มีความถูกต้อง
ตรงกับความต้องการของผู้ใช้และทันเวลาในการใช้งาน
กล่าวโดยสรุปก็คือ กระบวนการสารสนเทศเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิด
สารเสนเทศขึ้นมานั่นเอง ซึ่งจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 5 ส่วน นั่นคือ
Hardware Software User Procedure และ Data
มีงานหลายงานทางธุรกิจที่ต้องการให้เกิดการทำงานที่เป็นอัตโนมัติ
ระบบสารสนเทศจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากขึ้น ระบบสารสนเทศที่นำมา
ใช้เพื่อช่วยในการทำงานนั้นมีหลายระบบ บางระบบอาจออกแบบมาเพื่อช่วย
ให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้รวดเร็ว บางระบบอาจถูกออกแบบมาเพื่อช่วย
ในวิเคราะห์และตัดสินใจ ระบบสารสนเทศเหล่านี้สามารถทำงานได้เสร็จ
ภายในระับบย่อยเพียงระบบเดียว หรือสามารถทำงานร่วมกันในหลาย ๆ ระบบ
สำหรับองค์กรที่มีขนาดใหญ่
ระบบสารสนเทศสามารถแยกตามหน้าที่ที่แตกต่างกันได้ดังนี้
1. ระบบสำนักงานอัตโนมัติ (Office Automatic System หรือ OAS )

2. ระบบประมวลผลรายการประจำวัน
(Transaction Processing System หรือ TPS)

3. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
(Management Information System หรือ MIS )

4. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
(Decision Support System หรือ DSS)

5. ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง
(Executive Informaion Systyem หรือ EIS )

6. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Excpert System หรือ ES )
การที่ระบบสารสนเทศจะสามารถทำงานได้ตรงตามความต้องการ รวดเร็ว และถูกต้อง
ได้นั้นจำเป็นต้องมีการสร้างระบบสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้กระบวนการพัฒนา
ระบบที่เรียกว่า ขั้นตอนการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ (Systems Delopment Life Cycle หรือ
SDLC ) ดังนี้
1. วิเคราะห์และกำหนดความต้องการของระบบงาน
(System Analysis and Specification )
2. ออกแบบขั้ื้นตอนการแก้ไขปัญหา (System Design )
3. เขียนชุดคำสั่ง (Program Coding )
4. ทดสอบการทำงานของระบบงาน (System or Program Testing)
5. ใช้งานและบำรุงรักษาระบบ (System Implementaion and Maintenance )
6. จัดทำเอกสารประกอบระบบ (Documentation)

ประวัติสะพานพุทธ


“สะพานพุทธ” กับช่วงเวลาสุนทรีย์ของวัยมันส์

“สะพานพุทธ” ถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งยามค่ำคืน อันดับต้นๆ ของคนกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้ เพราะสถานที่แห่งนี้ถือได้ว่า เป็นแหล่งช้อปปิ้งยามค่ำคืนแห่งแรกๆ ของเมืองกรุงเทพฯ ผมจำไม่ได้แล้วว่า กรุงเทพมหานครมีตลอดแห่งนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เท่าที่จำได้สถานที่แห่งนี้ มีมาตั้งแต่สมัยตอนผมเรียนมัธยมแล้ว แต่สมัยนั้นสะพานพุทธไม่ใช่ตลาดช้อปปิ้ง แต่เป็นสถานที่ที่ชุมนุมของนักเรียนหลายสถาบัน ไม่ว่าจะเป็น สวนกุหลาบวิทยาลัย หรือ วิทยาลัยเพาะช่าง สำหรับสองโรงเรียนนี้จะมีเยอะเป็นพิเศษ แต่ก็มีสถาบันอื่นอีกด้วย เนื่องจากตอนนี้ที่แห่งนี้ เป็นที่นั่งพัก กินลมชมวิว หรือชิวๆ กันได้ตามประสาวัยรุ่นนั่นเอง

แต่ในช่วงหนึ่ง ทางรัฐบาลได้สั่งย้าย ตลาดคลองหลอดมาไว้ที่นี่ ก็เลยทำให้ที่นี่กลายเป็นตลาดนัดย่อม ที่อาจจะมีนักเรียน นักศึกษา ไปขายงานศิลปะกันอยู่บ้างในช่วงแรกๆ แต่พอนานเข้า จากเล็กกลายเป็นใหญ่ จากคนไม่รู้จักก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากถ้าเทียบสมัยก่อนกับตอนนี้ ถ้าจะหาแหล่งเดินเล่น ช้อปปิ้ง ยามค่ำคืนมันก็ยากอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่ในปัจจุบันที่มีตลาดเปิดท้ายตามห้างเป็นว่าเล่นแบบนี้ และ “สะพานพุทธ” ก็เลยกลายมาเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาจนถึงปัจจุบัน



แต่อย่างที่รู้ๆ กันดีว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครเปลี่ยนไปเยอะจากสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นสภาพสิ่งแวดล้อมหรือแม้แต่ลักษณะของผู้คน ถ้าจะพูดถึงสิ่งแวดล้อมที่ “สะพานพุทธ” สถานที่แห่งนี้ก็ยังเป็นสะพานที่คนนิยมมาเดินเล่น และดื่มด่ำบรรยากาศริมน้ำอยู่เหมือนเดิม ต้นไม้ใบหญ้าก็ยังปกคลุมหนาบ้าง ซึ่งถือได้ว่ายังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากแต่สภาพของผู้คนที่นี่เปลี่ยนไปเยอะเลยครับ จากที่แต่ก่อนที่ผมบอกว่าเป็นแค่ที่นั่งกินลมชิมวิวของนักศึกษา ตอนนี้นักเรียน นักศึกษาก็ยังมาเหมือนเดิม แต่พฤติกรรมแย่กว่าเดิม เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ นอกจากจะมีวัตถุประสงค์ในการมาเดินช้อปปิ้งแล้ว พวกเค้ายังมาเพื่อเกาะกลุ่มมั่วสุมกันบ้าง เชื่อมั้ยว่าล่าสุดที่ผมไปมา เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น ผมเห็นเด็กสาว เด็กหนุ่ม อายุราวๆ 13-15 ปี แต่งตัวแปลกๆ เดินอยู่บริเวณนั้นมากมายจนน่าตกใจ ทั้งบนสะพานพุทธ และ ในตลาดช้อปปิ้ง บางคนก็ดื่มสุรา บางคนก็สูบบุหรี่บ้าง เห็นแล้วผมบอกได้เลยคำเดียวว่า สลดใจมากๆ ภาพของสะพานพุทธสมัยก่อนมันย้อนกลับมาในสมองของผม แล้วก็บอกตัวเองว่า มันไม่มีอีกแล้วครับ



จากภาพในด้านที่ผมได้กล่าวไปแล้วนั้น ที่นี่ก็ยังมีความน่าประทับใจ เช่นกัน สถานที่แห่งนี้ถือเป็นแหล่งค้าขาย หรือช้อปปิ้งยอดนิยม สินค้าของที่นี่ก็นำสมัยเหมือนที่ช้อปปิ้งทั่วไป แต่อาจจะมีเอกลักษณ์ส่วนตัวที่เห็นแล้วต้องร้องออกมา เลยว่า ต้องที่สะพานพุทธเท่านั้น อย่างการวาดภาพศิลปะ ที่นี่เค้ามีศิลปิน วาดภาพมารับจ้างวาดอยู่เป็นประจำ อยากได้ภาพแนวไหนบอกเค้า ก็สามารถเนรมิตให้คุณได้ ทุกครั้งที่ผมไปผมก็จะไปนั่งดูเค้าวาดรูปแต่ละรูป มันต้องใช้เวลานะ กว่าจะได้แต่ละรูปมา อย่างน้อยมันก็ทำให้ได้รู้ว่า ถ้ามาสะพานพุทธเราก็ต้องมาวาดรูป


การเดินทาง

เวลาที่จะมา”สะพานพุทธ” ถ้าเอารถมา แนะนำให้มาในช่วงก่อนค่ำ ที่นี่จะไม่ค่อยมีรถหนาแน่เท่าไหร่ จะมีที่รับฝากรถอยู่ตามทาง ให้สังเกตดูเอา แต่ถ้ามาดึกล่ะก็ ให้หาที่จอดได้ตามริมฟุตบาท ต้องดุด้วยนะว่า ที่ไหนเค้ามีให้จอดบ้าง เพราะบางที่ถ้าจอดไว้กลับมาอาจจะเจอใบสั่งแดงเถือกอยุ่หน้ากระจกรถก็เป็นได้ เรื่องนี้ต้องใช้วิจารณญาณ บอกได้คำเดียวว่าเสี่ยงเอ แต่ถ้าให้สะดวกจริงๆ แนะนำรถเมล์ครับ สะดวกมาก มาถึงลงเลย เดินเสร็จเมื่อยก็นั่งแท็กซี่กลับ สบายใจกว่าเยอะเลย ไม่เปลืองน้ำมันด้วย ช่วงนี้ยิ่งเศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีอยู่ สายรถเมล์ที่ผ่านได้แก่ สาย 73, 3, 5, 6, 8, 10, 43, 53,

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี


ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก

1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง

2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว

4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ

6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล

7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%

8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย

9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด

10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้

ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!

พิธีแห่เทียนพรรษา



พิธีแห่เทียนพรรษา

งานแห่เทียนพรรษาเป็นประเพณีปฏิบัติของชาวพุทธ ที่ได้กระทำมาแต่ครั้งพุทธกาล เหตุที่ทำให้เกิดประเพณีเพราะสมัยก่อน มีภิกษุได้เดินไปเหยียบย่ำข้าวกล้าในนาของชาวบ้านทำให้ได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้อนุญาติให้ภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษาที่วัดเป็นเวลา 3 เดือนคือในช่วงวันแรมหนึ่งค่ำเดือนแปด ถึงวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือน 11 ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวของชาวบ้านพอดีในช่วงเข้าพรรษานี้ประชาชนจะนำเทียนไปถวายพระภิกษุเพราะเชื่อว่าจะทำให้ตนเฮลียวแลาดมีไหวพริบปฏิภาณประดุจขี้ผึ้งที่ใช้ทำเทียนที่ได้จากรังผึ้ง

ส่วนความเป็นมาของเทศกาลแห่เทียนของชาวเมืองอุบลนั้น แต่ก่อนไม่ได้แห่เทียนเหมือนในปัจจุบัน แต่จะทำการฟั่นเทียน ยาวรอบศีรษะไปถวายพระเพื่อจุดบูชาในช่วงจำพรรษา นอกจากเทียนแล้วยังมีน้ำมัน เครื่องไทยทาน และผ้าอาบน้ำฝนพอมาถึงสมัยกรมหลวงสรรพสิทธิ์ประสงค์ เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองอุบล ครั้งหนึ่งได้มีการแห่บั้งไฟและได้เกิดเรื่องมีการตีกันทำให้มีคนเสียชีวิต จึงทำให้ถูกเลิกการแห่บั้งไฟ และได้เปลี่ยนมาเป็นการแห่เทียนแทน

การแห่เทียนในยุคแรกๆชาวบ้านจะร่วมบริจาคเทียน แล้วนำเทียนมามัดติดกับลำไม้ไผ่ติดกระดาษเงินสีทองตัดลายฟันปลามาติดปิดรอยต่อ เสร็จแล้วนำต้นเทียนมัดติดกับปิ๊บน้ำมันก๊าด โดยใช้เกวียนหรือล้อเลื่อนลากจูง และมีขบวนฟ้อนรำด้วยต่อมาได้มีการหล่อดอกจากผ้าพิมพ์แล้วมีการประยุกต์ประดับฐานต้นเทียนด้วยรูปแกะสลักสัตว์ ลายไม้ฉลุทำให้ต้นเทียนดูสวยงามมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นประชาชนก็เห็นความสำคัญประเพณีแห่เทียนมากขึ้น จังหวัดก็ได้ส่งเสริมให้เป็นงานประจำปีในช่วงนั้นมีการประกวดต้นเทียน 2 ประเภท คือ ประเภทมัดเทียนรวมกันแล้วติดกระดาษสี กับประเภทพิมพ์ลายติดลำต้น การทำต้นเทียนก็ได้มีการพัฒนามาเรื่อยๆ จนมาถึงการแกะสลักลงบนต้นเทียนโดยตรง ซึ่งเป็นการแกะที่ต้องอาศัยฝีมือเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาประเพณีแห่เทียนพรรษาจึงได้จดการประกวด3 ประเภท โดยเพิ่มประเภทแกะสลักลงบนต้นเทียนลงไป

งานประเพณีแห่เทียนพรรษาได้รับการส่งเสริมจากทางจังหวัดมากขึ้น จนทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสนับสนุนให้เป็นงานประเพณีระดับชาติ ทำให้งานแห่เทียนพรรษาเมืองอุบลเป็นที่ยอมรับของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดินทางมาเที่ยวกันมากมาย

การพับกระดาษแบบญี่ปุ่นหรือOrigami

Mouse(face)






Fox(face)






Bear(face)






Goldfish






Tulip



15 ข้อคิดดี ๆ รักษาจิตใจ

1. คนเรามีความรู้สึกรัก ชอบ โกรธ เศร้า ไม่ต่างกัน
ขึ้นอยู่กับว่าเวลาไหนมันจะแสดงออกมามากน้อยเพียงใดเท่านั้น
"คนที่จะหัวเราะได้เสียงดัง ข้างในคงต้องขำบ้างพอสมควร คนที่น้ำตาจะไหลได้
ข้างในคงมีเรื่องปวดร้าว....ถ้าไม่นับการร้องไห้ที่มาจากความปิติ "

2.โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง...แต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน

3. คนที่ตลกหัวเราะสดใส ก็คือคนเดียวกับคนที่สามารถร้องไห้ฟูมฟายได้
เพียงแต่คุณจะได้เห็นหรือเปล่าเท่านั้น อาจจะเคยได้ยินว่า "
คนที่หัวเราะได้ดังที่สุด ก็คือคนที่สามารถร้องไห้ได้ดังที่สุดเช่นกัน"

4. เด็กๆ จะมองว่าผู้ใหญ่ซีเรียส ในขณะที่ผู้ใหญ่จะบอกว่า เด็กไร้สาระ
เพราะเด็กไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อน วันหนึ่งเค้าคงจะรู้ว่าทำไมถึงต้องมีเรื่องซีเรียส
สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งได้ผ่านวัยเด็กมาแล้วอาจจะลืมไปว่า ณ วันที่ผ่านมา"
สาระ"ในชีวิตของเ-า คืออะไร

5. ครอบครัวไทยมักจะเลี้ยงลูกผู้หญิงให้เป็นฝ่ายถูกเลือก
คอยสั่งสอนให้ทำตัวเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเลือกไปเป็นคู่ครอง....
แต่ความจริงแล้วผู้ชายและผู้หญิง เราต่างเลือกซึ่งกันและกันมากกว่า

6. เพื่อนที่ดีที่สุด คือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันซักคำ
แต่สามารถเดินจากไป ด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด

7.ใครหลายคนไม่กล้าเข้าไปปลอบโยนให้คำปรึกษากับเพื่อนเพราะคิดว่าเราไม่รู้จะบอก
เคายังไงเพราะเราเป็นแค่เพื่อน....แต่ความจริงแล้วคุณเป็นตั้งเพื่อนต่างหาก

8. ผู้ชายที่ร้องไห้ และยอมรับว่าตัวเองร้องไห้เขาคือสุภาพบุรุษที่สุด
อย่างน้อยการซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง... คือความกล้าหาญสุดยอด

9. ก่อนที่วันนี้ คุณจะทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ
อย่าลืมสำรวจตัวเองก่อนว่า
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา... ทำใครหล่นหายไปจากชีวิตหรือเปล่า

10. เงินไม่ใช่พระเจ้า แต่ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้น

11. มีสติ สตางค์อยู่ ก็ปลีกเวลาไปใช้เสียบ้าง
อีกหน่อยไม่มีสติแต่มีสตางค์...ก็สายไปเสียแล้ว

12. เวลาที่เรารักใคร เราจะรู้สึกตัวเล็กเ หลือเกิน...เวลาใครรักเรา
เราจะรู้สึกตัวใหญ่เหลือเกิน...แต่ถ้าเราเจอคนที่เรารักเขาและเขาก็รักเรา
เราจะผลัดกันตัวเล็กตัวใหญ่

13. วันที่คุณเข้มแข็งและแข็งแรงพอ
อย่าลืมเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคนที่มีปัญหาด้วย "เอาไหล่ให้เขาพิง
เอามือให้เขาจับ".....100 คำพูดดี ดี ไม่เท่ากับ 1 สัมผัสที่มีค่าหรอกนะ

14. คุณรู้ไหมว่า อายุคนเราเฉลี่ย 76 ปีนั่นคือแค่ 3,952
อาทิตย์เท่านั้นคุณหมดเวลาไปกับการนอนถึง 1317 อาทิตย์
ซึ่งเท่ากับว่าคุณเหลือเวลาที่ใช้ดำเนินชีวิตแค่ 2,635 อาทิตย์เท่านั้นเอง

15. ลองฉลองวันเกิดกับครอบครัวสักปี แล้วคุณจะได้รู้ว่า
เมื่อตอนที่คุณร้องไห้จ้าในวันเกิดวันแรก
คนในครอบครัวคุณมีความสุขกันขนาดไหน.......

อ่านครบ 15 ข้อแล้วลองทำดูนะ ให้ชีวิตอยู่อย่างรื่นๆ ชื่นฤทัย สบายใจกันดีที่สุด

วิธีลดหน้าท้อง



** เครื่องปรุง** 1. โยเกิร์ต ครึ่งถ้วย 2. นมสด 1 กล่อง 3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ 4. มะนาว 1 ลูก


** วิธีทำ**

นำเครื่องปรุงทั้งหมดผสมให้เข้ากันชิมรสตามใจชอบ

** วิธีการดื่ม**

ต้องดื่มตอนเช้า มื้อเดียวก่อนอาหาร มื้ออื่นไม่เห็นผล มะนาวก็ควรบีบแล้วกินทันที เพื่อรักษาคุณสมบัติวิตามินซีไว้ และควรดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว จะเห็นผลดียิ่งขึ้น

** สรรพคุณ**

ไม่ใช่ยาลดน้ำหนักโดยตรง แต่จะปรับธาตุ ล้างพิษในลำไส้ ล้างไขมัน กินวันแรกๆ จะ เห็นเลยว่าอุจจาระจะเป็นสีดำ และไล่ลมในกระเพาะดีมาก ระยะต่อมา เมื่อลำไส้และกระเพาะอาหารในร่างกายปรับตัวได้กับอาหารที่กินแล้วจะเข้าสู่ ภาวะปกติ แต่ต่อมาจะมีความรู้สึกว่าหน้าท้องยุบลงไปเรื่อยควรกินทุกเช้าติดต่อกันทุกวัน

** โทษของไขมัน**

ไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหารตับม้ามให้ดูดซึมบกพร่องเป็นเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

1. ถุงน้ำดี ทำให้นอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว นิ่วในไต สายตาเสื่อม ปวดเมื่อยตามร่างกาย
2. เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้มึนศรีษะ
3. ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลงและเป็นคนขี้หนาว
4. ม้ามชื้น ทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่าย
5. ม้ามโต ทำให้เหนื่อยง่ายเพราะม้ามไปเบียดปอด
6. ถ้าไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะทำให้ลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ เป็นผลทำให้เป็นหวัดในตอนเช้าหรือหวัดเรื้อรัง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้
7. ถ้าไขมันในตับสูง การสร้างเม็ดเลือดจะลำบาก ฉะนั้นการดื่มตามสูตรนี้ นอกจากช่วยลดหน้าท้อง ยังส่งผลให้อาการป่วยทั้ง 7 ประการนี้หายไป ด้วย

สาระดีดีที่ควรรู้...เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

พอร์ตคืออะไร (Port)

พอร์ต เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างตัวคอมพิวเตอร์ กับอุปกรณ์ภายนอก ปกติพอร์ตจะอยู่ด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์

รู้จักชนิดของ Port

วีจีเอ พอร์ต (VGA Port)

พอร์ตนี้สำหรับต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับมอนิเตอร์ เป็นพอร์ตขนาด 15 พิน ในคอมพิวเตอร์บางเครื่องอาจจะติดตั้งการ์ดสำหรับถอดรหัสสัญญาณ MPEG เพิ่มเข้ามาซึ่งลักษณะของพอร์ตนั้นจะคล้าย ๆ กันแต่การ์ด MPEG จะมีพอร์ตอยู่สองชุดด้วยกันสำหรับเชื่อมไปยังการ์ดแสดงผลหนึ่งพอร์ต และต่อเข้ากับมอนิเตอร์อีกหนึ่งพอร์ต ดังนั้นเครื่องใครที่มีพอร์ตแบบนี้ ก็ควรจะบันทึกไว้ด้วย เพราะไม่งั้นอาจจะใส่สลับกัน จะทำให้โปรแกรมบางตัวทำงานไม่ได้

พอร์ตอนุกรม (Serial Port)

เป็นพอร์ตสำหรับต่อกับอุปกรณ์อินพุตและเอาต์พุต โดยส่วนใหญ่เราจะใช้สำหรับต่อกับเมาส์ในกรณีที่คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นไม่มีพอร์ต PS/2 หรือเป็นเคสแบบ AT นอกจากนั้นเรายังใช้สำหรับเป็นช่องทางการติดต่อโมเด็มด้วย ในคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องจะมีพอร์ตอนุกรมให้อยู่สองพอร์ต เรียกว่าพอร์ตคอม 1 และพอร์ตคอม 2 นอกจากนั้นอาจจะมีฮาร์ดแวร์บางตัว เช่น จอยสติ๊กรุ่นใหม่ ๆ มาใช้พอร์ตอนุกรมนี้เช่นกัน
• พอร์ตอนุกรมจะมีหัวเข็ม 9 เข็ม หรือ 25 เข็ม (พอร์ตนี้จะเป็นตัวผู้ เพราะมีเข็มยื่นออกมา)
• พอร์ตนี้จะต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เม้าส์ โมเด็ม สแกนเนอร์ เป็นต้น
• สามารถต่อความยาวได้ถึง 6 เมตร และราคาสายก็ไม่แพงนัก


พอร์ตขนาน (Pararell Port)

หน้าที่ของพอร์ตตัวนี้ก็คือใช้สำหรับติดต่อกับเครื่องพิมพ์เป็นหลัก ปัจจุบันมีการพัฒนาให้สามารถใช้งานร่วมกับสแกนเนอร์
หรือว่าไดรฟ์ซีดีอาร์ดับบลิวได้ด้วย พอร์ตแบบนี้มีขนาดยาวกว่าพอร์ตอนุกรมทั่ว ๆ ไป โดยมีจำนวนพินเท่ากับ 25 พิน สังเกตได้ง่าย
• พอร์ตขนานจะมีรู 25 รู (พอร์ตนี้จะเป็นตัวเมีย หมายถึงมีรูที่ตัวพอร์ต)
• พอร์ตนี้จะต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องพิมพ์ เทปไดร์ฟ สแกนเนอร์ เป็นต้น
• สามารถต่อความยาวไม่มากนัก แถมมีราคาแพงกว่าสายของพอร์ตอนุกรมด้วย
• การส่งสัญญาณจะส่งได้เร็วกว่าพอร์ตอนุกรม


ความเป็นมาของพอร์ตขนาน

คอมพิวเตอร์ถูกพัฒนาให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนหนึ่ง ที่ได้รับ การพัฒนาก็ คือ พอร์ตขนาน (Parallel Port) ปกติ คอมพิวเตอร์ มี พอร์ตขนานหนึ่งพอร์ต ซึ่งรู้จักกัน ในชื่อของ "พอร์ตสำหรับ เครื่องพิมพ์ (Printer Port)" ทั้งนี้เพราะแรก ทีเดียวที่มี การพัฒนา สำหรับพีซีในปี 1981 ออกแบบโดย IBM นั้นมีพอร์ตดังกล่าว สำหรับ เครื่องพิมพ์ คอมพิวเตอร์ ยุคก่อนๆ (เครื่อง ระดับ 486 ลงไป) นั้น ส่ง ข้อมูล ไป ให้เครื่องพิมพ์ แบบ ทิศทาง เดียว (Uni Direction) คือ การ ส่ง จาก คอมพิวเตอร์ ไป เครื่องพิมพ์ โดย มี ความเร็ว 150-200 กิโลไบต์ ต่อ วินาที อย่างไร ก็ตาม ในปี 1991 โดยความร่วมมือ ของบริษัท ผู้ ผลิตอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ ได้ แก่ IBM , Laxmark , Texus Instrument ได้ ร่วมประชุม ตกลง เพื่อปรับปรุง พอร์ตขนาน โดย ให้ องค์ IEEE เป็นผู้ร่างข้อกำหนด เกี่ยวกับพอร์ตขนาน ขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจาก นัก พัฒนาและ ผู้ใช้าน ต่าง ก็ ประสบ ปัญหา เกี่ยวกับความ ไม่คล่องตัว ในการใช้งาน พอร์ตขนาน ปัญหา เหล่านั้น แบ่งออกเป็น 3 ประการ ประการแรกคือ ถึงแม้ว่า สถาปัตยกรรม ของ คอมพิวเตอร์ ได้ รับ การ พัฒนา ให้ คอมพิวเตอร์ มี ความเร็ว เพิ่มขึ้น แต่ ใน ส่วนของ พอร์ตขนาน ยัง คง ไม่ มี อะไร เปลี่ยน แปลง ยัง คง ส่ง ข้อ มูล ด้วย ความ เร็ว เท่าเดิม ประการถัดมา คือการขาด มาตรฐานเกี่ยวกับรูป แบบของการส่ง ข้อมูลผ่าน พอร์ตขนาน และ ประการ สุด ท้าย คือ ข้อ จำกัด เกี่ยวกับระยะ ทางการ ส่ง ข้อ มูล ของ พอร์ตขนาน ไม่ สามารถ ส่ง ข้อมูลได้ไกลเกิน 2 เมตร

ดังนั้นในปี 1991 จึงมีการประชุมระหว่าง Lexmark, IBM, Texas Instruments และ ผู้ ผลิต ราย อื่น เพื่อ กำหนด มาตร ฐาน เกี่ยวกับพอร์ตขนาน ขึ้น โดย มี องค์ กร IEEE เป็น ผู้ กำหนด มาตร ฐาน ใน ที่ นี้ จะ กล่าว ถึง เฉพาะ ที่ ใช้งานทั่วไป 3 โหมดด้วย กัน เนื่อง จาก เห็น ว่า คอมพิวเตอร์ ส่วน บุคคล ที่ ใช้ งาน ปัจจุบัน นั้น โดยมาก จะ มี ค่า ให้ กำหนด เพียง 3 โหมด (สำหรับ โหมดที่เหลือที่ไม่ได้ นำ มากล่าวคือ Nibble และ Byte)

1. Normal Mode หรือ SPP Mode (Standdard Parallel Port)

เป็นข้อระบุของการส่งข้อมูลจากเคอมพิวเตอร์ไปเครื่องพิมพ์ตามปกติ หรือ เรียก ว่าเป็น โหมดปกติ ซึ่ง เป็น พอร์ตขนาน ดั้งเดิม ที่ ถูก พัฒนา มา พร้อมกับ เครื่อง IBM นั่นเอง เพียง แต่ ได้ รับ การ ปรับปรุง เพิ่มเติม โดย คงความ เข้ากัน ได้กับ โหมด พอร์ตขนานแบบเดิม ไว้ ดังนั้น จึง เรียก กัน โดยทั่วไป ว่า Compatibiliy Mode หรือ Centronics Mode ข้อ สังเกต สำหรับ การทำงาน ของ โหมดปกติ ก็คือ มี การ ส่ง ข้อมูล ในทิศทางเดียว จาก คอมพิวเตอร์ ไปยังอุปกรณ์ ปลาย ทาง เครื่องพิมพ์ SPP Mode ถูกพัฒนา ให้มีการ ส่ง ข้อมูล ความเร็วสูงขึ้น ราว ประมาณ 500 กิโลไบต์ต่อ วินาที ซึ่ง เห็นได้ว่า เพียงพอ สำหรับ เครื่องพิมพ์ แบบเข็ม (Dot Matrix) และเครื่องพิมพ์ แบบเลเซอร์ รุ่นเก่า แต่ไม่เพียงพอ สำหรับ การ์ด เครือข่าย หรือสำหรับ ไดรฟ์ แบบ เคลื่อนย้าย ได้ และเครื่องพิมพ์เลเซอร์รุ่นใหม่

2. EPP Mode (Enhanced Parallel Port)

พัฒนาโดย Intel, Xircom and Zenith Data Systems เมื่อปี 1994 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อ เพิ่ม ประสิทธิภาพ ของ พอร์ตขนาน โดยที่พอร์ตขนาน แบบ EPP ยังเข้ากันได้กับ SPP ส่วนที่ถูกพัฒนา ขึ้นคือ พัฒนา ให้ มี การ รับ ส่ง ข้อมูลสองทิศทาง ที่ความเร็วสูงขึ้น 500 กิโลไบต์ถึง 2 เมกะไบต์ต่อ วินาที ทั้งนี้เพื่อใช้งาน พอร์ตขนาน กับอุปกรณ์ อื่นๆนอก เหนือ ไป จากเครื่องพิมพ์ อุปกรณ์ ที่นำมาใช้กับ พอร์ตขนาน แบบ EPP คือ ฮาร์ดดิสก์ การ์ดเครือข่าย คุณสมบัติ ของ EPP คือ สามารถ ส่งข้อมูลได้ 2 ทิศทาง (Bi-directional) และ ความเร็วใน การ ส่ง ข้อมูลมากขึ้น ประโยชน์ของ การส่งข้อมูล แบบ สองทิศทาง คือ ทำให้การสื่อสาร ระหว่าง คอมพิวเตอร์ กับอุปกรณ์ต่อพ่วง ที่นำมา ใช้งานกับ พอร์ตขนาน ดังกล่าว ได้ ทำให้สามารถ ตรวจสอบ สถานะและ รายงานสถานะ การทำงาน ไปยังคอมพิวเตอร์ ได้ จากการ พัฒนา ดังกล่าว ส่งผลให้ ผู้ผลิต เครื่องพิมพ์ หลายราย โดยเฉพาะ เครื่องพิมพ์ ประเภท เลเซอร์ และเครื่องพิมพ์ ประเภท ฉีดหมึกต่างก็ พัฒนาเครื่องพิมพ์ ของตนให้ ใช้ประโยชน์จากพอร์ตขนาด แบบ ใหม่ ได้ เช่น พิมพ์งานเร็ว มากขึ้น และมีการตรวจ สอบ สถานะ การทำงาน ของเครื่องพิมพ์ ทุกๆระยะ เช่น ตรวจ สอบ ว่าเครื่องพิมพ์ อยู่ในสภาพ พร้อม ใช้งานหรือ ไม่ มี กระดาษ สำหรับ พิมพ์ งานหรือไม่ รวมไปถึง การตรวจสอบ ปัญหาความ ผิดพลาดต่างๆ และแสดงข้อความ บอก สถานะ นั้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เช่น Out of Paper , Cover Open ON ซอฟต์แวร์ควบคุม การพิมพ์บางราย ถึงขนาดแจ้ง วิธีแก้ปัญหา แบบทีละขั้นตอน (Step by Step) บนหน้าจอ คอมพิวเตอร์ ทำให้ ผู้ใช้งาน แก้ปัญหาได้ด้วยตนเองได้

3. ECP Mode (Extended Capabilities Port )

ECP ถูกเสนอโดย Hewlett Packard และ Microsoft เพื่อนำมา ใช้งานกับ เครื่องพิมพ์ และสแกนเนอร์ รวมไปถึง อุปกรณ์ต่อพ่วง (Peripheral) อื่นๆ ECP สามารถ ใช้ DMA Channel (Direct Memory Access Channel) ได้ทำให้ ความเร็ว การส่งข้อมูล เพิ่มขึ้นเพราะไม่ต้อง รอเวลา เมื่ออุปกรณ์ ที่นำมาต่อ พอร์ตขนาน ต้องการ เข้าถึง หน่วยความจำ ในขณะเดียวกัน ก็ลดการ ขัดจังหวะ การทำงาน ของ ซีพียู ความเร็ว ในการ ส่งข้อมูล สูงถึง 2 เมกะไบต์ ต่อวินาที เครื่องพิมพ์ รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่น ปัจจุบันสามารถใช้งาน โหมด ECP ซึ่งทำให้ สามารถ ส่งข้อมูล สื่อสาร กับคอมพิวเตอร์ ได้มากขึ้น แสดงสถานะ การทำงาน และทำการ ตรวจสอบ การทำงาน ของตัวเองได้

4. ECP+ EPP Mode คือการนำโหมดทั้งสองมารวมกัน

สาระดีๆเกี่ยวกับกรุ๊ปเลือดในตัวเรา

กรุ๊ป A คนที่มีเลือดกรุ๊ป เอ จะอ่อนไหวต่อการเป็นมะเร็งได้ง่ายกว่าคนที่มีเลือดกรุ๊ปอื่น เพราะฉะนั้นคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จึงต้องหมั่นไปตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำ
สำหรับคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้เคยสังเกตตัวเองหลังดื่มนมบ้างหรือเปล่า เพราะคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้เวลาทานนมเข้าไปแล้วจะมีอาการท้องอืดแน่นเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว เนื่องจากแอนติเจนที่อยู่ในเซลล์ของเลือดกรุ๊ป A จะทำปฏิกิริยากับนม เพราะฉะนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวก ข้าวสาลี เนื้อติดมัน นม เป็นพิเศษ
ส่วนอาหารที่ควรรับประทานนั้นได้แก่อาหารจำพวกผักใบเขียว ใบเหลือง รวมทั้งธัญพืชและถั่วต่าง ๆ ยิ่งถ้าทานเข้าไปในปริมาณมาก ๆ ก็จะยิ่งดีต่อสุขภาพ

กรุ๊ป B พวกที่อยู่ในเลือดกรุ๊ปนี้ถือเป็นเลือดที่กำเนิดขึ้นมาเป็นอันดับสามของมนุษย์ ว่ากันว่าเลือด กรุ๊ปนี้พึ่งเกิดขึ้นเมื่อคนเรารู้จักเลี้ยงสัตว์ที่ให้นม คนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จึงสามารถรับประทานนมได้โดยไม่มีอาการเรอเหม็นเปี้ยวเหมือนกับเลือดกรุ๊ป A
นอกจากนมแล้ว อาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้แก่ เนื้อกวาง เนื้อกระต่าย ก็จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมาก แต่ควรหลีกเลี่ยงเนื้อไก่

กรุ๊ป O เลือดกรุ๊ปนี้ถือว่าเป็นเลือดกรุ๊ปแรกที่เกิดขึ้น ดังนั้นคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จะเป็นคนที่มีสุขภาพที่ดีมาก การเลือกรับประทานอาหารควรเลือกที่จะรับประทานเนื้อสัตว์ ได้แก่ เป็ด ไก่ ปลา (ยกเว้นหมู) และควรรับประทานผักผลไม้มาก ๆ เนื่องจากคนสมัยโบราณมักจะหากินเนื้อสัตว์ ไม่ได้กินนม เพราะฉะนั้นคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จึงควรหลีกเลี่ยงนม เพราะถ้าดื่มนมมีแนวโน้มว่าจะทำให้แผลเน่าเปื่อย หรือเกิดอาการอักเสบได้ง่ายกว่าคนที่มีเลือดกรุ๊ปอื่น

กรุ๊ป AB เป็นเลือดกรุ๊ปสุดท้ายที่เกิดขึ้นในมนุษย์เรา คนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้มีเพียงแค่ 2 % เท่านั้นเอง คนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จะมีลักษณะคล้าย ๆ คนเลือดกรุ๊ป B คือระบบการย่อยอาหารนั้นมักจะมีกรดเกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่ ดังนั้นการเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ควรเลือกรับประทานในปริมาณที่น้อย และอย่าบ่อยจนเกินไป อาจสังเกตได้ถ้ามีอาการเรอบ่อยครั้ง

100 ข้อคิดดี ๆ

1.เอาใจเขามาใส่ใจเรา
2.เชื่อมั่นตัวเอง
3.อย่ามองคนที่หน้าตา
4.กล้าคิด พูด และทำ
5.เมื่อมีเรื่อง จงหมั่นปรึกษาผู้อื่น
6.และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย
7.อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด
8.ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ
9.เปิดใจให้กว้าง
10.มองการณ์ไกล
11.วางแผนอนาคต
12.อย่าโทษตัวเอง
13.มีความรับผิดชอบ
14.ตอบแทนเมื่อได้รับ
15.ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้และไม่มี
16.อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด
17.คิดถึงส่วนรวมให้มาก
18.ดูแลตัวเองให้เป็น
19.รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี
20.อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า
21.อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียไปแล้ว
22.จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร
23.ที่ทำอยู่มีผลดี ผลเสีย มีประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์
24.อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก
25.ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น
26.อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตนเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน
27.คนไม่ผิดคือคนที่ใหม่เคยทำอะไร
28.ได้หน้าอย่าลืมหลัง
29.คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อนความรู้สึก แต่จงวางแผนที่จะดูแลมันไม่ให้เสีย
30.อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ
31.อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง
32.รู้จักแบ่งเวลา และหน้าที่
33.ทำประโยขน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง
34.อย่าเห็นแก่ตัว
35.อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
36.อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้
37.กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง
38.เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้
39.อย่าคิดว่าเขาไม่โทร.มา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทร.ไป
40.จง เป็นฝ่ายให้มากกว่าเป็นฝ่ายรับ
41.ดูแลบิดามารดาให้ดี คุณมีโอกาศ รีบทำซะก่อนที่จะไม่มี
42.อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมา แต่คุนสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้
43.คำพูดเมื่อพูดไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้ ดังนั้น คิด ก่อนพูด
44.อย่าทุ่มเทในสิ่งที่ไร้ประโยชน์
45.คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด
46.ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วไม่สามารถเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้
47.หาจุดหมายให้กับชีวิต
48.เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น
49.ถ้างง เขียนหนังสือได้ แต่เขียนให้เป็นภาษา
50.วันๆหนึ่งคุณทำอะไรบ้าง ที่ไม่ใช่ กิน นอน เล่น
51.ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ
52.เพื่อนคุณก็เช่นกัน อย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล
53.ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง
54.คุณซื้อนาฬิกาได้ แต่คุณไม่สามารถซื้อเวลาได้
55.ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ถ้ามีกลับไปหาซะ
56.ตอนนี้คุณถึงเมื่อไหร่ ทำอะไรซะบ้าง
57.อย่ากล่าวคำขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามไปขอโทษ
58.ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ
59.ตอนนี้คนกำลังสบายอยู่ แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ หมดประโยชน์แล้วหรือ
60. ไม่ใช่ แล้วไง ต้องให้บอกต่อมั้ย
61.ทำอะไรก้อได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของคนอื่น
62.ตอนที่คนกำลังอ่านประโยคนี้ จงจำไว้ว่าคุณเป็นมนุษย์ และยังมีชีวิตอยู่
63.ใครเป็นคนทำให้คุนมีชีวิต ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง
64.ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกเขาว่ารักก้อเพียงพอแล้ว
65.อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน
66.ไม่มีกฏหมายข้อใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา
67.ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆ มีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีมั้ย หรือดูที่ราคาขนม
68.เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต
69.อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีคนพิมพ์คนนี้อีกคน
70.อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคดีที่สุด
71.อย่าพูดว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้า งั้นคุณก้อไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน
72.เหนื่อยนักก็หยุดพักซะบ้าง
73.อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคนเพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง
74.ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปอยู่ในตัวคุณ
75.คุณมองเพชรที่ความงามภายในหรือป้ายราคาภายนอก
76.ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน
77.มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือ ลองค้นคว้าดูจะรู้
78.ลูกธนูที่ถูกปล่อยจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่เเทงมาจากข้างหลัง
79.การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด
80.ทำยังไง ต้องให้ขโมยขึ้นบ้านก่อน ถึงไปดูรั้วบ้านใช่มั้ย
81.ทำใจกับสิ่งต่างๆ ล่วงหน้าไว้บ้างก้อดี
82.จะยกตัวอย่าง สมมติคนที่คุณรักจากไปตอนนี้ คุณคิดว่า คุณทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง
83.อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
84.คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คุณไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก้อไม่ฟื้นมาได้ยินหรอกนะ
85.ตัวคุณมีค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า
86.หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากมายที่คุณยังไม่รู้
87.ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิต
88.การใส่เสื้อสวยๆไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก
89.หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้
90.ลองทำอะไรบ้าๆบ้างก้อดี อย่ายึดติดนักเลย
91.ผู้พิมพ์ไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุณได้รุ้อะไรไว้บ้างก็ดี
92.สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆ ไปในชีวิตหรือเรื่องคุนเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูเเลตรงนั้นบ้างก็ดี
93.อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก็ดี
94.อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้า เล่นไพ่ เที่ยวหญิงเที่ยว
95.ยาเสพติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด
96.อย่าทำตามเพื่อนเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขากับร่างกายเรา แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน
97.ผู้ชายยังไงก้อคือผู้ชาย ผู้หญิงยังไงก็คือผู้หญิง
98.บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
99.ไม่มีมิตรถาวรและศัตรูที่เเท้จริง
100.จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรา รัก และคนที่อยู่รอบกายเรา

อาหารต้องห้าม











7 สุดยอดถนนที่อันตรายที่สุดในโลก !!





1.ถนนสายมรณะ ประเทศโบลิเวีย
ถนน North Yungas ในประเทศโบลิเวีย ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนที่อันตรายสำหรับนักขับขี่ที่สุดในโลก มันมีความยาวทั้งหมด 70 กิโลเมตร จากเมือง La Paz ถึงเมือง Coroico ทางโค้งสุดแคบยาวเกือบ 3,600 เมตร โดยที่ข้างๆ เป็นเหวลึก 800 เมตรรอรับรถที่พลาดท่าอยู่! แต่ละปีจะมีคนเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตเพราะถนนเส้นนี้ 100-200 ราย



2. ถนนสู่เมือง Yakutsk ประเทศรัสเซีย
นี่คือทางหลวงสายหลักของประเทศรัสเซียที่จะไปยังเมือง Yakutsk และน่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือ ถนนสายนี้เป็นทางเส้นเดียวที่จะไปเมืองนี้ได้ และเนื่องจากไม่มีถนนเส้นอื่น ทำให้ผู้ขับขี่ต้องเผชิญกับสภาพรถติดหนึบในโคลนตม ว่ากันว่า เคยมีผู้หญิงคลอดมาแล้วเนื่องจากต้องรอนานเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดฝนตกล่ะก็ ถนนเหล่านี้จะกลายเป็นกำแพงโคลนอย่างดี ที่จะขวางกั้นทางผ่านและดูดได้แม้กระทั่งรถบรรทุก!



3. เส้นทางทหารในรัสเซีย-จอร์เจีย
เส้นทางทหารของอดีตสหภาพโซเวียต-จอร์เจีย ที่ชื่อว่า Sukhumi นี้มีพื้นที่อยู่ในหุบเขาคอเคซัส ซึ่งทางเดียวที่จะนำพานักขับขี่ไปสู่จุดมุ่งหมายได้ก็คือ การถามคนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในหุบเขานี้เท่านั้น... แล้วจะมีผ่านมาซักกี่คนล่ะ!



4. ถนนในเนปาล, ธิเบตและบังคลาเทศ
นี่คือถนนที่มีเส้นทางจากอินเดียไปถึงเนปาล ถือได้ว่าเป็นถนนสายมรณะอีกแห่งหนึ่งเช่นกัน



5.สุดยอดเส้นทางเดินเท้าในประเทศจีน
นอกจากเส้นทางสำหรับรถแล้ว ยังมีเส้นทางเดินเท้าสำหรับนักผจญภัยที่ติดอันดับการทำให้ขนหัวลุกมากที่สุดในโลก มีพื้นที่อยู่ในภูเขา Huashan ของมณฑล Xian ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุด เส้นทางบนภูเขานั้นทั้งขรุขระและชัน แถมยังไม่รับประกันความปลอดภัยอีกต่างหาก... ใครอยากสัมผัสประสบการณ์แสนเร้าใจก็ลองดู



6. อุโมงค์ Guoliang ประเทศจีน
แม้จะไม่อันตรายเหมือนถนนเส้นอื่นๆ ที่เรากล่าวมา แต่ก็ต้องมีสมาธิในการขับซักหน่อย เพราะไม่รู้ว่าวันไหนกำแพงหินเหล่านี้จะถล่มลงมา! อุโมงค์ Guoliang ในภูเขา Taihang ของประเทศจีนถูกขุดขึ้นมาโดยชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเพื่อที่จะผ่านไปสู่โลกภายนอก โดยขุดทางอุโมงค์ผ่านหน้าผาหินเป็นทางยาว 1,200 เมตรสูง 5 เมตรและกว้าง 4 เมตร ใช้เวลาขุดถึง 5 ปี!



7. ถนน Pasubio ประเทศอิตาลีPasubio เป็นถนนสายเก่าที่ถูกเปลี่ยนเป็นเส้นทางเดินเท้า ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามของถนนเส้นนี้ ทำให้นักขับขี่รถจักรยานยนต์ต่างก็หลงใหล แล้วมันก็ยังมีอุโมงค์ที่งดงามและหน้าผาสูงชันที่ทำให้ขนหัวลุก!

** อาหารเช้า 7 แบบจากทั่วโลก !!!! **



ฝรั่งเศส : อาหารเช้าในฝรั่งเศสจะมีกาแฟ อย่าแปลกใจหากคุณทานอาหารในปารีสและพบว่ากาแฟของคุณอยู่ในชามแทนที่จะเป็น แก้ว เพื่อที่ได้ง่ายต่อการนำขนมปังช็อคโกแลตหรือครัวซองท์จิ้มลงไปถือเป็นการทาน แบบดั้งเดิมสำหรับวันหยุด หากเป็นในช่วงกลางอาทิตย์ก็จะเป็นขนมปังกับแยม น้ำผึ้งหรือเนย ลองเริ่มต้นวันใหม่แบบฝรั่งเศสดูซิ



เม็กซิโก : สิ่งที่เหมือนกันมากที่สุดอย่างหนึ่งของคนอเมริกาเหนือก็คืออาหารเช้าแบบ เม็กซิโก huevos rancheros ตอติญ่าที่ทำจากแป้งข้าวโพดราดด้วยไข่ดาวและซอส ranchera มักเสิร์ฟกับ frijoles อาหารจานนี้เกือบจะเป็นอาหารเช้ามาตรฐานตั้งแต่ Austin ถึง Soho แต่ที่เม็กซิโกคุณมาสมารถสั่ง huevos ได้หลายแบบ Huevos divorciados (ตามในรูป) ที่สั่งแยกออกเป็นไข่ฟองหนึ่งราดด้วย salsa roja และอีกฟองหนึ่งราดด้วย alsa verde (ตรงกลางราดด้วยซอสที่ทำจากมะเขือเทศชนิดหนึ่ง)



จา ไมกา : ackee ผลไม้ของจาไมกานำมาตุ๋นจนแห้ง มะเขือเทศ หัวหอม พริกสก็อตบอนเนท และ thyme ที่เป็นส่วนประกอบในอาหารเช้า ต้น ackee เป็นต้นไม่พื้นเมืองของแอฟริกาอยู่ในตระกูลเดียวกับลิ้นจี้และลำไย เนื้อเป็นสีเหลือง ต้องนำไปปรุงถึงจะอร่อย ในการตุ๋นต้องนวดด้วย แช่ไว้ในน้ำทั้งคืนและนำไปต้ม มักเสิร์ฟกับ johnnycakes บิสกิตง่ายๆ ที่ทำจากแป้งหรือแป้งข้าวโพดและนมเปรี้ยวแล้วนำไปทอดในน้ำมัน



เวลส์ : เป็นตัวอย่างของอาหารเช้าของอังกฤษ มีความหลากหลายตามีสิ่งที่เหมือนกันคือเบคอน ไส้กรอก และไข่ มักจะโรยถั่วอบ อย่างไรก็ตามอย่าลืมหา laverbread ด้วย ในจานประกอบด้วยสาหร่ายจากชายฝั่งเวลส์ที่น้ำไปต้มจนเหนียวแล้วนำไปผสมกับ ข้าวโอ๊ตบด รสชาดเป็นอะไรที่พลาดไม่ได้



ญี่ปุ่น : ขณะที่อาหารเช้าทางฝั่งตะวันตกมีส่วนประกอบหลักเป็น ซีเรียล ขนมปังปิ้ง และไข่ แต่อาหารเช้าที่ญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเป็นส่วนใหญ่ของคนญี่ปุ่นด้วยที่จะเริ่มต้นวันด้วย ข้าว อาหารทะเล สาหร่าย และนัตโตะ (ถั่วหมักในซอสถั่วเหลือง) อาจมีอย่างอื่นด้วยที่คุณพบ เช่น เต้าหู้ ปลาทอด และ umeboshi (พลับดอง) ที่ให้รสเค็มและเปรี้ยว



เน เธอแลนด์ : ขนมปังธัญพืชและขนมปังกรอบที่เรียกว่า beschui เป็นคาร์โบไฮเดรตสำหรับตัวอย่างอาหารเช้าของชาวดัตช์สำหรับเวลาเร่งรีบ คนในฮอลแลนด์จะเตรียมเนื้อสไลด์ ชีสก้อนใหญ่ กาแฟเข้มๆ และของที่ใช้ทาหรือราดตั้งแต่ Nutella (ครีมถั่วฮาเซลนัทผสมโกโก้) ไปจนถึงน้ำผึ้ง ถ้าต้องการอะไรที่เป็นแบบฉบับบจริงๆ มองหาขวดที่มีชื่อว่า hagelslag เป็นที่นิยมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ช็อคโกแลตที่ใช้โรยหน้า (เหมือนที่โรยในไอศกรีมในอเมริกาแต่นุ่มนวลและให้รสมากกว่า) ที่ละเลงลงบน beschuit เป็นองค์ประกอบที่ให้ความหวานกับชาหรือกาแฟ Hagelslag จะใส่ลงในนมช็อคโกแลตหรือดาร์คช็อคโกแลต



จีน : อาหารเช้าของจีนมีความหลากหลายทั้งติ่มซำจนถึงขนมหัวผักกาด แต่อาหารเช้าของจีนที่เป็นที่รู้จักที่สุด ที่ทานกันทั่วประเทศ ไม่ได้ต้องพูดถึงบุฟเฟ่ในโรงแรมตั้งแต่ที่สิงคโปร์จนถึงญี่ปุ่น นั่นก็คือ congee หรือข้าวต้ม รสธรรมดาแต่เป็นอาหารเช้าที่นิยมที่สุด เป็นพื้นฐานและดึงดูดด้วยเครื่องที่ใส่เพิ่มลงไปอย่าง หมูหยอง กุ้งแห้ง และผักดอง

10 เรื่อง(น่าเศร้า)ที่ฝรั่งเข้าใจเมืองไทยผิด !

1. เข้าใจว่าประเทศไทยคือไต้หวัน

อันนี้เป็นอะไรที่ได้ยินบ่อยมากกกก อาจจะเพราะว่าออกเสียงคล้ายๆ กัน (ไทยๆ ไต้ๆ) เลยเกิดเป็นความเข้าใจผิด ว่าประเทศไทยคือไต้หวัน (น่าน้อยใจมาก)

A : Where are you from?
B : Thailand.
A : Wowww ! so can you speak chinese fluently?
B : ......

เจอประโยคสนทนาแบบนี้ B คงอึ้งไปเลย ไทยแลนด์นะจ๊ะไม่ใช่ไต้หวัน แล้ว A มันจะว้าวววทำไมเนี่ย ...




2. เข้าใจว่าคนไทยยังขี่ช้างไปไหนมาไหนกันอยู่

อย่างที่รู้ๆ ว่าช้างเป็นสัตว์ประจำบ้านเมืองของไทย ดังนั้นในพวกสารคดีต่างๆ มักจะนำเสนอถึงช้างบ่อยมากๆ ส่วนมากก็เป็นภาพควาญช้างตามต่างจังหวัด ดังนั้นเมื่อชาวต่างชาติได้ดูสารคดีพวกนั้น ก็จะเหมารวมว่าคนไทยยังใช้ช้างเป็นพาหนะในการไปไหนมาไหนกันอยู่ และนอกจากช้างแล้ว บางคนยังคิดว่าขี่ม้าขี่หมูอีก (ไปกันใหญ่ละนะเนี่ย) แต่พอมาถึงกรุงเทพฯ เห็นรถไฟฟ้า เห็นตึกสูงเสียดฟ้า ต่างก็อะเมซิ่งไทยแลนด์กันทุกราย หุหุ

3. เข้าใจว่าเมืองไทยเป็นเมืองขึ้นของประเทศตะวันตก

เพราะเหล่าบรรดาประเทศเพื่อนบ้านของเราต่างก็เคยตกเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกมาก่อน เช่น ลาว เคยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส มาเลเซีย เคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ แต่ประเทศไทยกลับไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกเลย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยที่ได้ทรงใช้พระปรีชาสามารถในการหาวิธีให้ประเทศของเรารอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของชาติอื่นค่ะ


4. เข้าใจว่าพัทยาและภูเก็ตคือทุกอย่างของประเทศไทย

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าชาวต่างชาติบางคนไม่รู้จักกรุงเทพมหานคร แต่กลับรู้จักภูเก็ตและพัทยาเป็นอย่างดีเพราะเป็นที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชื่อเสียงมากๆ รวมถึงสถานที่เที่ยวกลางคืนที่ใครๆ ก็นิยมไป เห็นได้จากชาวต่างชาติบางคนนิยมนั่งเครื่องบินบินตรงไปยังภูเก็ตเลย หรือไม่ก็พอลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิปุ๊บ ก็บึ่งรถตรงไปพัทยาทันทีโดย ไม่แวะเข้ามาเที่ยวกรุงเทพฯ เลย (พลาดของดีซะแล้วเธอ)

5. เข้าใจว่าคนไทยจนมากๆๆๆ

ถ้าหากใครมีโอกาสได้เปิดดูพวกสารคดีวิถีชีวิตคนไทย จะเห็นได้เลยว่ามักจะนำเสนอชีวิตชาวบ้านในต่างจังหวัดที่ใช้ชีวิตกันค่อนข้างลำบาก เช่น ข้ามเขาสามลูกไปหาบน้ำ พายเรือไปเก็บผักมาขาย ดังนั้นทำให้ชาวต่างชาติดูแล้วเหมารวมอีกเช่นเคยว่าคนไทยนี่จนมากๆ ซึ่งความเชื่อข้อนี้อาจจะไม่ถูกนักแต่ก็ไม่ผิดไปซะทีเดียว เพราะยังไงประเทศไทยก็มีคนจนมากกว่าคนรวยอยู่แล้วล่ะเนาะ


6. เข้าใจว่าคนไทยนิยมใช้ไสยศาสตร์

ความเชื่อนี้ก็มาจากพวกสารคดีวิถีชีวิตไทยอีกแล้วค่ะ เพราะเล่นนำเสนอแต่ภาพการเข้าทรงเอย ผีปอบเอยรำผีฟ้าเอย จนทำให้ชาวต่างชาติเข้าใจว่าคนไทยนิยมเล่นของกัน ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมก็คือ บางทีเค้าก็มองเรา เหมือนที่พวกเราบางคนมองประเทศเขมรว่าชอบเล่นของ อะไรทำนองนั้นอ่ะค่ะ




7. เข้าใจว่าผู้หญิงสวยๆ เป็นกระเทยหรือแปลงเพศมาแล้ว

เป็นผลพวงมาจากการที่ชาวต่างชาติเหล่านั้นได้ชมพวกโชว์ทิฟฟานี่ อัลคาซ่า หรืออะไรทั้งหลายแหล่ค่ะ ซึ่งแต่ละนางที่ขึ้นมาโชว์นั้นก็สวยทั้งเนียนซะเหลือเกิน สวยซะจนผู้หญิงแท้ๆ อย่างเราๆ อยากไปเกิดใหม่ = ="เลยกลายเป็นเข้าใจว่าผู้หญิงไทยสวยๆ คือหญิงไม่แท้ซะอย่างนั้น


8. เข้าใจว่าผู้หญิงไทยเป็นผู้หญิงอย่างว่าทุกคน

คำว่า 'ผู้หญิงอย่างว่า' ในที่นี้คงไม่ต้องอธิบายกันนะคะ = =" ซึ่งอันนี้ก็คงจะโทษใครไม่ได้จริงๆ เพราะในมุมมองชาวต่างชาติบางคน ถ้าพูดถึงประเทศไทยปุ๊บ ความคิดที่แล่นเข้ามาก็คือเรื่องผู้หญิงอย่างว่านั่นเอง เพราะมีผู้หญิงไทยบางคนเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปทำอาชีพอย่างว่านั่นแหละ เชื่อเลยว่า น้องๆ ผู้หญิงที่เคยไปเมืองนอก แทบทุกคนจะต้องเคยเจอผู้ชายลามกๆ เข้ามาทำลวนลาม แล้วถามคำถามอะไรแนวๆ นี้แน่เลยใช่มั้ยคะ ?



9. เข้าใจว่าอาชีพผู้หญิงอย่างว่าเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมายในเมืองไทย

ยังไม่จบกันกับเรื่องผู้หญิงอย่างว่า อันนี้ก็ต้องยอมรับกันอีกจริงๆ ว่า ชาวต่างชาติ(ผู้ชาย) บางคนที่มาเมืองไทยถือว่า ถ้ามาเมืองไทย แล้วต้องลองไปเที่ยวอย่างว่า (สรุปว่าไอ้อย่างว่านี่มันคืออะไรเนี่ย 555) รวมถึงอาชีพผู้หญิงอย่างว่าก็สามารถหาได้ไม่ยาก ดังนั้นทำให้ชาวต่างชาติบางคนเข้าใจผิดคิดว่าอาชีพผู้หญิงอย่างว่าเป็นอาชีพที่ถูกกฏหมายนั่นเองค่ะ


10. เข้าใจว่าคนไทยชอบกินพวกของแปลก

ได้แก่ รถด่วน ตั๊กแตนทอด ด้วง แมงดาทอด และอื่นๆ แถมยังเข้าใจว่าคนไทยชอบกินกันสดๆ อีกต่างหาก 555+ ซึ่งอันนี้ก็อาจจะคล้ายๆ ที่เรามองว่าคนเกาหลีกินหมานั่นเองค่ะ คือเป็นแค่คนกลุ่มเล็กๆ ที่กินกัน แต่ก็โดนเหมารวมอีกเช่นเคย

ถ้าเป็นคนไทย ควร "งด" ทำนิสัยต่อไปนี้

มาช้า มาสาย !!
แหม อันนี้คงเป็นนิสัยยอดฮิตตลอดกาลที่อาจจะดูแก้ไขยากมากๆ 5555+ เพราะชาวต่างชาติส่วนมากนั้นจะค่อนข้างตรง
เวลามากๆ และถือว่าการมาตรงเวลาเป็นเรื่องสำคัญสุดๆ แต่สำหรับคนไทยแล้ว ถ้านัด 10 โมงตรง โน่นค่ะ 9 โมงครึ่งถึงจะได้ฤกษ์ตื่น 10 โมงถึงจะออกจากบ้าน สรุปกว่าจะไปถึงก็ 11 โมงแล้ว จนเกิดเป็นคำยอดฮิตว่า Thai Time คือการที่มักจะมาสายกว่าเวลานัดประมาณ 1 ชั่วโมงนั่นเอง
ดังนั้นถ้าจะนัดกินข้าว นัดประชุม หรือนัดอะไรซักอย่างที่มีคนไทยมาด้วย เค้าก็มักจะนัดกันก่อนเวลาจริง 1 ชั่วโมง เช่น
ประชุม 9 โมง ควรนัดมาตั้งแต่ 8 โมง เพราะกว่าจะมาถึงก็ 9 โมงพอดี เองก็เป็นคนนึงที่เกลียดการมาสายโดยไม่จำเป็นมากๆๆ
และจะพยายามไปให้ทันเวลานัดทุกครั้ง ซึ่งก็ถือเป็นข้อดีของตัวเองอย่างนึง

ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น

อันนี้เห็นได้ง่ายมากๆๆ ก็คือตามในห้องเรียนเลยค่ะ เวลาที่คุณครูเรียกให้นักเรียนตอบ เด็กไทยก็จะนั่งตาลอยทำเฉย ไม่ใส่ใจ ไม่ยกมือตอบ แตกต่างกับเด็กต่างชาติมากๆ เพราะเค้าจะยกมือแย่งกันตอบสุดๆ พร้อมจะแสดงความเห็นกันทุกเมื่อ รวมถึงเวลาที่ให้แสดงความเห็น คนไทยก็มักจะไม่แสดงความเห็น เป็นอันจบแค่นั้น แต่ชาวต่างชาตินี่ถึงแม้ไม่มีอะไรจะออกความเห็น เค้าก็จะพยายามหาจุดเล็กๆ ที่น่าสงสัยมาเป็นประเด็นในการคุยต่อเรื่อยๆ รวมไปถึงเวลามีปัญหาหรือข้อสงสัยอะไร คนไทยก็มักจะไม่(กล้า)ถาม แต่จะเก็บเอาไว้แล้วไปคิดเองเออเอง หรือแม้แต่บางคนที่เวลาโดนถาม ทั้งๆ ที่ตัวเองก็รู้คำตอบ แต่ก็ไม่ตอบ ไม่ใส่ใจ ไม่ยกมือตอบ ไม่ใช่เรื่องของฉัน ตอบไปแล้วได้อะไรล่ะ ?

ปากไม่ตรงกับใจ

ข้อนี้อาจจะคล้ายๆ กับการนินทาแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ที่ว่าปากไม่ตรงกับใจก็คือว่า .... ชาวต่างชาติบางคนจะเป็นที่รู้กันว่า ถ้าคนไทยพูดว่า "ไม่เป็นไร" "ไม่มีอะไร" หรือบอกว่า "เปล่า" แสดงว่าต้องมีอะไรในใจแน่ๆ (ซึ่งก็จริง 555) โดยเฉพาะบางคนที่ปากบอกว่าไม่มีอะไร แต่เก็บเอาไปเม้าท์ลับหลัง เอาไปนินทาต่อ ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องยาว ไม่จบไม่สิ้น และกลายเป็นความบาดหมางใจระหว่างเพื่อนชาติอื่นได้ ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าคนไทยอย่างเราๆ เป็นคนขี้เกรงใจ ไม่อยากจะพูดให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจ เลยบอกปัดไปว่าไม่เป็นไร แต่ เราคิดว่าในบางสถานการณ์ การพูดออกไปตรงๆ ก็ดีกว่าบอกว่าไม่เป็นไร แล้วเก็บเอาไว้คนเดียวนะคะ ว่ามั้ย ?

การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า (สิว)


ฟุตบอลโลกคราวนี้พี่มิ้งขอร้องว่า โอ้ย โอ้ย.. ทั้งผลการแข่งขันที่พลิกความคาดหมาย ยังมีผลข้างเคียง จากการดูฟุตบอลตอนดึก

ตาคล้ำไม่พอ สิวขึ้นนี่สิ!!! เม็ดแรกมาจากการดูอังกฤษ เม็ดที่สองฝรั่งเศส เม็ดที่สามบราซิล โห! จะเยอะไปไหนเนี่ย

ความจริงสิวเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุนะครับ การพักผ่อนไม่พอ ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ยังมีเรื่องของความสะอาดบนใบหน้า หรือฮอร์โมนอีกด้วย

วัยรุ่นอย่างเราๆ ก็มีความเสี่ยงสูง ที่จะเกิดสิวจากสาเหตุของฮอร์โมนที่ผลิตมามากในช่วงนี้ และปูดขึ้นมาทีไร ก็ทั้งอายทั้งเครียดตามไปด้วย
เอาล่ะ ไม่ว่าสิวของพวกเราจะเกิดขึ้นจากสาเหตุใดก็ตาม ทุกคนก็อยากให้มันหายไปจากหน้าตาเรา เหลือแต่ความหล่อใสด้วยกันทั้งนั้น

พี่มิ้งได้ปรึกษาเพื่อนๆ ว่าอยากให้สิวหายไวๆ มีอะไรไหมที่ใช้แล้วเห็นผลเร็วๆ บ้าง? เลยได้รับการแนะนำ "ครีมแต้มสิวบริเวณที่เป็นสิว" ตัวหนึ่งมาให้ลองใช้ สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ใน 4 ชั่วโมงเลยนะ!! โห บ่นไปเล่นๆ กลับมีจริงๆ เอาล่ะ ต้องขอใช้หน่อยแล้ว


เคลียราซิล อัลตร้า ราพิด แอ็คชั่น ทรีทเมนต์ ครีม คุณสมบัติช่วยลดขนาดและสีของสิว ให้แลดูเล็กและจางลง รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้ใน 4 ชั่วโมง (ใช้ในระยะแรกเริ่มของการเป็นสิวภายใน 48 ชั่วโมง) รวดเร็วทันใจวัยรุ่นอย่างเราๆ จริง
(แอบทำตัวเด็ก)

ครีมนี้ได้รับการทดสอบมาแล้ว โดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังด้วย มีเทคโนโลยีใหม่ "แอ็คเซลลาเดิร์ม" เป็นสูตรเฉพาะที่แก้ไขได้ตรงจุดโดนใจ ลดขนาดและสีของสิวให้แลดูเล็กและจางลง รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังชั้นนอกได้ใน 4 ชั่วโมง และมี Salicylic Acid ที่ได้รับการยอมรับว่า ช่วยควบคุมการเกิดใหม่ของสิวอย่างได้ผล

พี่มิ้งขอใช้ก่อนเลยนะ > <
ขั้นแรกต้องล้างหน้าก่อน ทาครีมเคลียราซิล อัลตร้า ราพิด แอ็คชั่น ทรีทเมนต์ บางๆ บนบริเวณที่เป็นสิว ตอนเช้าและก่อนนอน หลังใช้ต้องล้างมือทุกครั้งด้วยนะครับ หากมีการแพ้หรือผิวลอก ควรลดปริมาณการใช้ (บางคนอยากหายไวๆ ทาเยอะเกินไป ^^") หากอยู่กลางแจ้ง ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแดด ควบคู่ไปด้วยได้เลย

วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า (เป็นสิว) ที่เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบความเร็วทันใจ ที่สำคัญที่สุดควรดูแลผิวหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ พักผ่อนเพียงพอ และทำจิตใจให้สดใสไม่เครียด ควบคู่กันไปด้วยนะครับ รับรองหน้าใสๆ ไม่ไกลเกินเอื้อม