01 ธันวาคม 2553

10 อันดับปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก




อันดับที่ 1 ปลาอริเกเตอร์การ์

ชื่อวิทยาศาสตร์ Atractosteus spatula ถิ่นอาศัย ทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาเหนือ ลุ่มแม่น้ำมิซิสซิปปี้ ขนาดเมื่อโตเต็มวัย ประมาณ 350 ซม. น้ำหนัก ประมาณ127 กก. อายุยืนยาว




อันดับที่ 2 ปลากระเบนราหู(น้ำจืด)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Himantura chaophraya ถิ่นอาศัย ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แม่กรอง และโขง ขนาดเมื่อโตเต็มวัย ประมาณ 500 ซม.(เส้นผ่านศูนย์กลางขนาดจาน) น้ำหนัก ประมาณ 600 กก.





อันดับที่ 3 ปลาฉลามปากเป็ดจีน Chinese paddlefish

ชื่อวิทยาศาสตร์ Psephurus gladius ถิ่นอาศัย ลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง ขนาดเมื่อโตเต็มวัย ประมาณ 700 ซม. น้ำหนัก ประมาณ300 กก.(สูญพันธุ์ไปแล้ว)




อันดับที่ 4 ปลาเวลส์ แคทฟิช Wels Catfish

ชื่อวิทยาศาสตร์ Silurus glanis ถิ่นอาศัย ลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ในทวีปยุโรป ขนาดเมื่อโตเต็มวัย ประมาณ 500 ซม. น้ำหนัก ประมาณ 306 กก.




อันดับที่ 5 ปลาเทพา

ชื่อวิทยาศาสตร์ Pangasius sanitwongsei ถิ่นอาศัย ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ลุ่มแม่น้ำป่าสัก ลุ่มแม่น้ำโขง ขนาดเมื่อโตเต็มที่ ประมาณ 300 ซม. น้ำหนัก ประมาณ 300 กก.




อันดับที่ 6 ปลากระโห้

ชื่อวิทยาศาสตร์ Catiocarpio siamensis ถิ่นอาศัย ลุ่มแม่น้ำแม่กรอง เจ้าพระยา แม่น้ำโขง ขนาดเมื่อโตเต็มวัย 300 ซม. น้ำหนัก 300 กก.





อันดับที่ 7 ปลาอราไพมา หรือ ปลาช่อนอเมซอน

ชื่อวิทยาศาสตร์ Arapaima gigas ถิ่นอาศัย ลุ่มแม่น้ำอเมซอน ขนาดเมื่อโตเต็มวัย ประมาณ 450 ซม. น้ำหนัก ประมาณ 200 กก.




อันดับที่ 8 ปลาพิไรบ้า

ชื่อวิทยาศาสตร์ Brachyplatystoma filamentosum ถิ่นอาศัย ลุ่มแม่น้ำอเมซอน และใกล้เคียง ขนาดเมื่อโตเต็มวัย ประมาณ 360 ซม. น้ำหนัก 200 กก.




อันดับที่ 9 ปลากะพงแม่น้ำไนล์ หรือ Nile Perch

ชื่อวิทยาศาสตร์ Lates niloticus ถิ่นอาศัย ลุ่มแม่น้ำไนล์ ขนาดเมื่อโตเต็มวัย ประมาณ 200 ซม. น้ำหนัก 200 กก.




อันดับที่ 10 ปลามาเซียร์

ชื่อวิทยาศาสตร์ Tor putitora ถิ่นอาศัย ลุ่มแม่น้ำพรหมบุตร ขนาดเมื่อโตเต็มวัย ประมาณ 275ซม. น้ำหนัก ไม่ระบุ

http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1986475

30 ความจริง!! ที่ผู้หญิงเถียงไม่ได้ และไม่กล้าเถียง

1.ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนแต่มีของ 4 อย่างที่ผู้หญิงต้องหยุดดู..ตุ้มหู กระเป๋า รองเท้า และเสื้อผ้า

2.ผู้หญิงชอบกิน เค้ก ช็อกโกแลต และชอบบ่นว่าตัวเองอ้วน

3.เวลาเธอถามว่าเธออ้วนไปหรือเปล่า? ถ้าคุณตอบว่าเปล่า เธอจะไม่เชื่อ แต่ถ้าคุณตอบว่าอ้วน เธอก็จะโกรธ

4.หากจะอธิบายเรื่องเวรกรรมให้ผู้หญิงเข้าใจให้ยกเรื่องสลิปบัตรเครดิตมาเป็นตัวอย่าง

5.ผู้หญิงชอบให้คนมาจีบ แต่ไม่ได้ชอบทุกคนที่เข้ามาจีบ

6.ผู้หญิงเกิดมาคู่กับครีมทาผิวและโฆษณาครีมทาผิวทุกตัวได้ผลเสมอ

7.ผู้หญิงไม่เคยเหน็ดเหนื่อยจากการเดินชอปปิ้ง และหากนับก้าวระหว่างที่เธอเดิน คุณคงไม่เชื่อในระยะทางที่วัดได้

8.เวลาที่ผู้หญิงบอกว่าไม่มีอะไร แปลว่ามีอะไร และผู้ชายไม่รู้หรอก

9.เวลาผู้หญิงร้องไห้ เธอจะต้องการการปลอบโยน แต่ถ้าไปถาม เธอจะบอกว่า "ไม่ต้อง"

10.ผู้หญิงสนใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลายของกระเป๋าหรือตุ้มหู อย่าถามความเห็นของคุณผู้ชายเลยเพราะเขามองไม่ออกจริงๆ


11.ผู้หญิงใช้ลิปสติกไม่เคยหมดแท่ง

12.ผู้หญิงชอบสมัครฟิตเนสและจินตนาการว่าตัวเองจะฟิตแอนด์เฟิร์มขึ้นในสามเดือนข้างหน้า แต่หลังสมัครเสร็จเธอจะแวะไปที่ร้านกิฟท์ช็อปที่อยู่หน้าฟิตเนสและนานๆ จะมาที่นี้สักที

13.ผู้หญิงเกิดมาคู่กับดอกไม้ เมื่อได้รับดอกไม้ยิ่งช่อใหญ่ยิ่งดี

14.ผู้หญิงจำวันทุกวันเก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นวันแรกที่เจอ วันแรกที่คบ วันครบรอบ วันเกิด และวันอะไรอีกมากมายและนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เธอทะเลาะกับแฟน

15.ผู้หญิงชอบอ่านดวงในแมกกาซีนและบอกว่าแม่นมาก โดยที่ผู้ชายไม่ค่อยเชื่อ

16.คำขอโทษที่ดีที่สุดคือ "ไปชอปปิ้งมั้ย?"

17.ผู้หญิงไม่รู้ว่าที่เปิดกระโปรงรถอยู่ไหน เพราะไม่รู้ว่าจะเปิดมันไปทำไม หรือถึงเปิดเป็นก็ไม่รู้จะทำอะไรกับมันดี

18.เวลาทะเลาะกัน เธอจะบอกว่าไม่ต้องโทรมาอีกแล้ว แต่หลังจากวางหู เธอจะหันไปมองโทรศัพท์มือถือบ่อยๆ พอกลับมาดีกัน เธอจะต่อว่า ว่าตอนนั้นทำไมไม่โทรมา (อ้าว)

19.ผู้หญิงสนใจเรื่องราวของเพื่อนเรากับแฟน(ของเพื่อนเรา)มากกว่าตัวเรา(ที่เป็นเพื่อนมันจริงๆ)เสียอีก

20.ผู้หญิงกินข้าวเป็นมื้อจริงๆน้อย กินขนมระหว่างมื้อเยอะ

21.ผู้หญิงผมตรงอยากผมหยิก ผู้หญิงผมหยิกอยากผมตรง

22.กระเป๋าถือของผู้หญิง มีน้ำหนักมากกว่าสายตาประเมิน และข้างในบรรจุของไว้มากมาย แม้เธอจะไม่ใช้ทุกอย่างก็ตาม

23.เวลากลุ่มเพื่อนผู้หญิงนัดกัน มักจะเม้าท์เรื่องของแฟนอย่างสนุกสนาน ผู้ชายรู้ดีเลยแค่ขับรถไปส่งแล้วค่อยไปรับตอนจะกลับอีกครั้ง

24.ตุ๊กตาส่วนใหญ่ไม่มีปาก เพราะมีผลการวิจัยว่า การไม่มีปากทำให้ผู้หญิงรู้สึกเหมือนว่าตุ๊กตากำลังรับฟังและเข้าใจความรู้สึกของธอ ไม่ว่าเธอจะรู้สึก สุข เศร้า เหงา และรัก

25.ในที่ทำงาน มักจะมีเพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่ไม่ค่อยถูกกับเพื่อนร่วมงานผู้หญิงด้วยกัน อย่างน้อยก็คู่หนึ่งละ

26.เวลาผู้หญิงนินทากันเอง แม้ผู้ชายจะทำหน้าเฉยๆ แต่ก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน

27.ผู้หญิง ทุกคนต้องมีตู้เสื้อผ้าสองตู้ขึ้นไป และเมื่อถึงสี่ตู้เมื่อไหร่จะเริ่มบริจาคเสื้อผ้าที่ไม่ใช้ให้คนอื่น และตอนที่เริ่มโละของจะมีประโยคประเภท "เสื้อตัวนี้ยังไม่ได้ใส่เลย!!!"

28.ผู้หญิงมีเคล็ดลับในการแสดงความเป็นเจ้าของ เช่นติดรูปถ่ายคู่ไว้ในกระเป๋าตังค์ของเขา เอาตุ๊กตาไว้หน้ารถเขา วางตุ้มหูระยิบระยับไว้ที่ห้องรับแขกในบ้านเขา ถือเป็นสิ่งเล็กน้อยที่แฝงไปด้วยเทคนิคล้ำเลิศ

29.เริ่มต้นวันใหม่ด้วยประโยค "วันนี้คุณสวยจัง" จะทำให้เธออารมณ์ดีไปทั้งวัน

30.ดู เหมือนว่าผู้หญิงทุกคนจะชอบชอปปิ้ง ฝันอยากขึ้นปกแมกกาซีนและอยากรักกับพระเอกฮอลลีวู้ด แต่ความจริงคงยากที่ชีวิตจริงจะเป็นอย่างนั้น ผู้หญิงทุกคนจึงมีอีกความฝันเล็กๆ อีกอันซ่อนอยู่ นั่นก็คือ การได้ ทำกับข้าวเย็นให้แฟน นั่งดูทีวีด้วยกันตอนค่ำ นอนกอดกันตอนกลางคืน ตื่นมาจัดที่นอนและตื่นขึ้นมาเตรียมข้าวเช้าให้ และอยากให้เขาบอกว่า "ผมรักคุณ" และหอมแก้มหนึ่งทีก่อนไปทำงาน (คุณว่าจริงมั้ย)?


อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1985504#ixzz16rg2gWXY

4 ของสำคัญที่เด็กไทยมัก "ลืม" นำไปเมืองนอก

ที่ชาร์ทแบต

เป็นของยอดฮิตที่น้องๆ ชอบลืมกันบ่อยมากกกก โดยเฉพาะที่ชาร์ทแบตของโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูป บางคนนี่ลงทุนซื้อกล้องใหม่ไฮโซเป็นหมื่น แต่ดั๊นนนลืมเอาที่ชาร์ทแบตกล้องไปซะอย่างนั้น - -" ดังนั้นขอแนะนำว่า พยายามเลือกซื้อกล้องรุ่นที่ใช้ถ่านเป็นแบตได้นะคะ เพราะถึงลืมเอาที่ชาร์ทไป ก็ค่อยหาซื้อถ่านเอามาเปลี่ยนได้ จะได้ไม่วุ่นวายด้วยเนาะ ^^

คอนแทคเลนส์

หลายคนคิดว่า โอ๊ย คอนแทคเลนส์อันเล็กนิดเดียว ค่อยไปซื้อเอาที่เมืองนอกก็ได้ แต่ขอแนะนำว่าให้เอาไปจากเมืองไทยดีกว่าค่ะ เพราะที่เมืองนอกนั้นราคาค่อนข้างสูง แถมการจะไปซื้อคอนแทคเลนส์นั้น ไม่ใช่เดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปซื้อได้นะคะ ต้องมีใบรับรองจากจักษุแพทย์ด้วย ดังนั้นเตรียมมาจากไทยดีที่สุดค่ะ เพราะราคาถูกแสนถูก ส่วนน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์นั้น ไม่ต้องพกไปนะคะ หนักกระเป๋าเปล่าๆ ไปซื้อเอาที่นั่นเลยดีกว่าค่ะ

ตัวแปลงไฟฟ้า

อย่าลืมว่า ในต่างประเทศใช้ไฟไม่เหมือนบ้านเรา บางประเทศใช้ 220 โวลต์เหมือนกันแต่หัวปลั๊กไม่เหมือนกัน ก็ใช้เสียบไม่ได้อีก ดังนั้นสิ่งที่น้องๆ ต้องมีคือ adapter หรือตัวแปลงไฟค่ะ สามารถหาซื้อได้ตามห้างหรือร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป ขอแนะนำให้ซื้อแบบ international adapter เลยนะคะ ตัวเดียวใช้ได้ทั่วโลก ราคาก็มีตั้งแต่ร้อยกว่าบาทไปจนถึง 5-6 ร้อยเลยค่ะ



ยาสามัญประจำบ้าน


ในที่นี้หมายถึงพวกยาพารา ยาแก้แพ้ ยาหม่อง ยาดม ยาอม ยาแก้ท้องเสีย บลาๆๆ อันนี้ "ต้องพกมา" ค่ะ เพราะที่เมืองนอกนั้น ต้องมีใบรับรองแพทย์เท่านั้น ถึงจะไปซื้อได้ ไม่งั้นยังไง๊ยังไงคุณเภสัชกรก็ไม่ยอมขายค่ะ เรียกหาแต่ prescription เท่านั้น แล้วเวลาใส่กระเป๋าไป ให้เอาไปทั้งขวดหรือทั้งแผงนะคะ บางคนตักแบ่งใส่ขวดหรือตลับยาไป ปรากฏพอโดนเจ้าหน้าที่ที่สนามบินเรียกตรวจ ไม่มีฉลากยาระบุว่าเป็นยาอะไร อาจจะเป็นเรื่องยาวก็ได้ใครจะไปรู้


http://www.dek-d.com/content/studyabroad/22914/4-ของสำคัญ-จัดกระเป๋า.php

66 ไอเดียของใช้จากญี่ปุ่น



http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1993360

02 ตุลาคม 2553

คนโง่ คนฉลาด คนเจ้าปัญญา (อยู่ที่คุณจะเลือก)

ว่าด้วยการทำงาน
คนโง่ ทำงานเพื่อเงิน จึงได้เงินมาอย่างยากเย็น และมักไม่ได้คุณค่าอื่น ๆ ของงาน
คนฉลาด ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่ และได้เงินตามมาโดยง่าย
คนเจ้าปัญญา ทำงานเพื่อหยิบยื่นคุณค่าแก่สังคม เขาจึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม เงิน ชื่อเสียงและมิตรมหาศาลย่อมตามมาเสมอ


ว่าด้วยผู้พูด
คนโง่ ชอบให้อารมณ์พูด จึงผิดพลาดมาก ล้มเหลวบ่อย
คนฉลาด ชอบใช้เหตุผลพูด จึงถูกต้องมากแต่มักไร้ความรู้สึก และประสบแต่ความสำเร็จอันแห้งแล้ง
คนเจ้าปัญญา ชอบใช้ธรรมะพูด จึงบริสุทธิ์เหนือถูกเหนือผิด และเป็นหนึ่งเดียวกับความสำเร็จโดยธรรม


ว่าด้วยการพูดจา
คนโง่ ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะและความบาดหมางแทนความรู้
คนฉลาด ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้และมิตรภาพมากกว่าความแตกแยก
คนเจ้าปัญญา ชอบเฉยสังเกตลึก เข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง แล้วจึงนำเสนออย่างเหมาะสม


ว่าด้วยความโง่และความฉลาด
คนโง่ ชอบคิดว่าตนฉลาดแล้ว จึงดักดานอยู่กับความโง่ของของตนตามที่เป็น
คนฉลาด ชอบคิดว่าตนโง่ จึงชอบแกล้งโง่ และมักโง่ได้สมปรารถนาในที่สุด
คนเจ้าปัญญา ย่อมเห็นความโง่และความฉลาดที่ซ้อนกันอยู่ และรู้วิธีที่จะยกจิตสู่ปัญญายิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงค่อย ๆ หายโง่ และเลิกฉลาดโดยลำดับ


ว่าด้วยความคิด
คนโง่ ทำก่อนแล้วถึงคิด จึงผิดพลาดอยู่เนือง ๆ ต้องเปลืองเวลาและความรู้สึกตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด
คนฉลาด คิดมากก่อนแล้วถึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ แม้ประสงค์จะทำดีมากแต่ทำได้น้อง เพราะเขม่าความคิดปิดกั้นความหาญกล้า
คนเจ้าปัญญา คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำ ประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม ลดความหลอนป้องกันความผิดพลาดขื่นขมและประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย


ว่าด้วยการรู้จักแจ้งตนเอง
คนโง่ อยู่กับตนก็ไม่รู้จักตน จึงกลัวตนไปต่าง ๆ นานา
คนฉลาด อยู่กับตนและรู้จักตนดี แต่ไม่รู้สิ่งที่ดีกว่าตน
คนเจ้าปัญญา ย่อมรู้จักตนดีที่สุดจนทะลุความไม่มีตน จึงบริหารตนได้เสมือนสร้างสรรค์ฟองสบู่ ใช้ประโยชน์จนสุดกู่แล้วก็สลายมลายวับไป


ว่าด้วยการอวดตน
คนโง่ ชอบอวดตัว เขาจึงได้รับความหมั่นไส้ การต่อต้าน และ ความเจ็บปวดเป็นรางวัล
คนฉลาด ชอบถ่อมตัว เขาจึงได้รับความเห็นใจ การดูหมิ่น และการช่วยเหลือเป็นรางวัล
คนเจ้าปัญญา ย่อมมั่นใจตนแต่ไม่นิยมแสดงตัว ไม่ยกตน และ ไม่ถ่อมตัว แต่บริหารสัมพันธภาพเพียงเพื่อผลวางตน และ สำแดงบทบาทตามหน้าที่ เขาจึงได้รับความเคารพ และ ความเชื่อถือเป็นรางวัล


ว่าด้วยความเก่งกาจ
คนโง่ มัวอวดเก่ง จึงไม่มีใครเติมความเก่งให้กับเขาอีก
คนฉลาด ชอบเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเก่งให้ยิ่งขึ้น และเอาความเก่งมาใช้โดยไม่อวด จึงได้ผลงานดี แต่อาจไม่ทุกเรื่อง และอาจไม่ยั่งยืน
คนเจ้าปัญญา หาความเก่งไม่เจอ แต่ทำอะไรก็ยอดเยี่ยมเสมอ เพราะมองเห็นทุกอย่างในตนและนอกตนเป็นธรรมดา ทุกคุณสมบัติจึงเป็นปกติ และ ยั่งยืนสำหรับเขา


ว่าด้วยความรักสัมพันธ์
คนโง่ ชอบขอความรักและความเห็นใจ แต่มักได้รับความสมเพชตอบแทนเป็นประจำ
คนฉลาด ชอบให้ความรักความเข้าใจ และมักได้รับความหวังพึ่งพิงตอบเนื่องๆ
คนเจ้าปัญญา ชอบให้ปัญญา ที่จะให้ทุกคนรักและเข้าใจตนเอง จึงได้รับความนับถือและความมีบุญคุณตอบแทนเสมอ


ว่าด้วยการสนองตอบผู้มีพระคุณ
คนโง่ เนรคุณผู้มีบุญคุณ จึงไม่มีใครอยากทำดีกับเขาอีก
คนฉลาด กตัญญูผู้มีบุญคุณ จึงมีคนอยากทำดีกับเขามากมาย ซึ่งต้องตามชดใช้บุญคุณกันไม่รุ้จบ
คนเจ้าปัญญา ยกระดับผู้มีบุญคุณให้สูงส่งขึ้น จึงทดแทนบุญคุณกันได้หมด และผู้มีพระคุณกลายเป็นหนี้บุญคุณ และพร้อมที่จะให้พระคุณที่ยิ่งกว่า เกิดวงจรการให้ และการรับที่พัฒนาต่อเนื่อง ทุกฝ่ายจึงได้ประโยชน์อย่างยิ่ง

47 วิธีทำตัวให้เป็นคนน่าคบหา

1. อย่าบ่นนะจ๊ะ
2. อย่าขี้งกล่ะ
3. พูดเพราะๆ น้ำเสียงนุ่มนวล
4. รู้จักชมคนอื่นเค้าบ้าง
5. อย่าตำหนิคนอื่นล่ะ
6. อย่าพูดเดาใจหรือทายใจคนอื่นให้มากนักนะ
7. ไม่วิจารณ์หรือตัดสินคนอื่นอย่างผิวเผิน
8. รู้จักพูดคล้อยตามคนอื่นบ้างก็จะดีนะ
9. พูดยกย่องบุพการีของเค้ามั้งก็ดีนะ
10. อย่าแช่งตัวเองว่าซวยให้คนอื่นได้ยินล่ะ
11. หัดเป็นผู้ฟังที่ดี
12. ไม่โต้แย้ง เรื่องความเชื่อของใคร
13. ไม่พูดแทรกคนอื่น
14. วางตัวเป็นกลาง ไม่เอียงซ้ายขวา
15. อย่าโมโหง่ายเลยนะ ไม่ดี
16. อย่านินทาลับหลังล่ะ
17. ให้ความสำคัญกับผู้ที่คุยอยู่กับเรา
18. อย่าตำหนิหรือดูถูกใครต่อหน้าคนอื่น
19. อย่าสาบานบ่อยๆล่ะ ถ้าทำไม่ได้จะอายเค้า
20. อย่าลืมพูดเพราะๆก่อนจะจากกัน
21. รักษาคำสัญญาเสมอๆ
22. ไม่พูดถึงเรื่องที่ไม่ดี
23. ไม่พูดประชดใคร
24. อย่างอนง่าย อย่าแซวคนอื่นจนติดเป็นนิสัย
25. ไม่แสดงกิริยาท่าทางจนออกนอกหน้า
26. มีมารยาทในการคุย
27. อย่าพูดคำหยาบล่ะ
28. ทักคนที่เรารู้จักกันทุกครั้งที่เจอกัน
29. รู้จักกล่าวคำว่า "ขอบคุณ" "ขอโทษ"
30. รู้จักปลอบคนอื่นในยามที่เค้าเสียใจ
31. อย่าล้อปมด้อยคนอื่น
32. ไม่โอ้อวดตัวเอง
33. ไม่พยายามเปลี่ยนแปลงจิตใจใคร เพราะเค้าไม่ชอบหรอก
34. อย่าประเมินค่าตัวเองสูงไป
35. รู้จักใจเขาใจเราเสมอๆ
36. อดทนต่อนิสัยแปลกๆของคนอื่นให้ได้
37. อย่ามองหาศัตรู ไม่งั้นคุณจะได้ศัตรู
38. มีอารมณ์ขัน แต่ถ้าขันมากนักก็ไม่ดีนะ
39. อย่าแสดงความกลัวให้คนอื่นเห็น
40. ให้โอกาสคนอื่นเสมอๆ
41. ไม่แสดงกิริยาที่ไม่ดี
42. ไม่ดูถูกคนอื่น
43. ชื่นชมธรรมชาติ ไม่ทำลายธรรมชาติ
44. อย่าเมินเฉยกับคนรัก หรือคนสนิทเด็ดขาด
45. เป็นคนตรงต่อเวลา
46. อย่าทำอะไรแบบรีบเร่ง
47. รู้จักคิด ก่อนที่จะทำ

01 ตุลาคม 2553

6 เทคนิคการดูแลผิวหน้าด้วยผลไม้

1.สูตรหน้าใสด้วยน้ำผึ้งผสมมะนาว

ส่วนผสม: น้ำผึ้ง 1 ถ้วย

น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

วิธีทำ: ผสมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวให้เข้ากัน นำมานวดให้ทั่วใบหน้าประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด

■มะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเช่นเดียวกับครีมที่ผสมกรด AHA ส่วนน้ำผึ้งจะทำให้ผิวหน้านุ่มและชุ่มชื้น


2. สูตรหน้าใสด้วยแอปเปิ้ล

ส่วนผสม: แอปเปิ้ล ปอกเปลือกแล้วคว้านเอาเฉพาะเนื้อ

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: นำเนื้อแอปเปิ้ลมาปั่นรวมกับน้ำผึ้ง ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วนวดเบาๆ ทิ้งไว้ 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น

■สูตรนี้จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ใบหน้าดูสดใสเปล่งปลั่ง อีกด้วย


3. สูตรกระชับรูขุมขน

ส่วนผสม: กล้วยหอม แตงกวาหรือมะเขือเทศ เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งปอกเปลือก เอาเมล็ดออกให้หมดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

น้ำผึ้งหรือนมเปรี้ยว

วิธีทำ: ใช้กล้วยหอม แตงกวาหรือมะเขือเทศก็ได้ เติมน้ำผึ้งหรือนมเปรี้ยว นำไปปั่นให้ละเอียดจนเป็นเนื้อครีม นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น

■สูตรนี้จะ ช่วยทำความสะอาดใบหน้า และกระชับรูขุมขนและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

4. สูตรครีมทำความสะอาดผิวหน้า (Cleanser)

ส่วนผสม: โยเกิร์ต ½ ถ้วย

น้ำมันดอกทานตะวัน

มะนาวสด1½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: ผสมโยเกิร์ต น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมะนาวสดให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วหน้าประมาณ 5 นาที ทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออก ด้วยน้ำสะอาด

■สูตรนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอีกด้วย

5. สูตรสาวผิวแห้ง มอยเจอร์ไรเซอร์จากกล้วย

ส่วนผสม: กล้วย 1 ผล

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: บดกล้วยกับน้ำผึ้ง ผสมให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น

■สูตรนี้เหมาะกับผิวแห้ง

6. สูตรพอกหน้าใสจากแตงกวา

ส่วนผสม: แตงกวา 1 ผล หั่นแตงกวาเป็น ชิ้นบางๆ

ไข่ไก่ 1 ฟอง(ใช้เฉพาะไข่ขาว)

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: นำแตงกวา ไข่ไก่(ใช้เฉพาะไข่ขาว)และมะนาว ไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยกระชับรูขุมขน ผิวหน้าจะ ดูเนียนเรียบและชุ่มชื้น


http://lady.one.in.th/6-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7/

29 กันยายน 2553

10 พฤติกรรมที่ไม่ควรทำกับเพื่อน

สังเกตตัวเองสักนิด ว่าทำแบบนี้กับเพื่อนรึเปล่า

1.ขัดขา : แกล้งขัดขาเพื่อนจนหกล้ม คะมำกลางห้องนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แบบสุดๆ

2.เปิดกระโปรงต่อหน้าคนอื่น : การแกล้งเปิดกระโปรงเพื่อนต่อหน้าคนอื่น ทำให้เพื่อนเสียหน้า แถมอายอีกต่างหาก

3.ล้อชื่อพ่อ ชื่อแม่ : ถ้าเอาชื่อพ่อชื่อแม่มาล้อจนเป็นเรื่องปกติ แบบนี้เพื่อนต้องไม่ชอบใจแน่ๆ เพราะมันแสดงให้เห็นว่า เธอไม่เคารพพ่อแม่ของเค้าเลย

4.ล้อชื่อคนที่เพื่อนแอบชอบ : บางที่การที่ใจหวั่นไหวไปแอบชอบใครสักคน เค้าก้ออยากให้เป็นความลับ

5.เอาเบอร์โทรเพื่อนให้ผู้ชายคนอื่น : การเอาเบอร์โทร.เพื่อนไปให้ผู้ชายคนอื่น ทำให้เพื่อนต้องหงุดหงิด จากการที่ได้รับโทรศัพท์จากใครก้อไม่รู้

6.เอาสัตว์หรือสิ่งที่เพื่อนเกียจมาโยนใส่ : ถ้ารู้ว่าเพื่อนกลัวอะไร แต่ยังเอาสัตว์ชนิดนั้นมาโยนใส่ ขอบอกว่าเธอใจร้ายมาก

7.นินทา : คนที่ชอบนินทา ใส่ร้ายป้ายสีเพื่อนให้คนอื่นเกลียด เพราะเธอแสดงความอ่อนแอ ในใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด แถมยังขี้อิจฉาอีกด้วย

8.ล้อปมด้อย : แบบนี้เค้าเรียกเพื่อนไม่แท้ เพราะเอาแต่เรื่องไม่ดีโยนใส่เพื่อน

9.มองด้วยหางตา : คนที่ชอบมองเพื่อนด้วยสายตากึ่งๆดูถูก เป็นคนที่แย่มากๆเลย เพราะในความจริง คนที่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เค้าต้องรักและให้เกียรติกัน

10.พูดจาให้เพื่อนเสียหน้า : มีบางคนที่ชอบพูดจา หรือทำให้เพื่อน เสียหน้ากลางสาธารณชน คนที่ทำแบบนี้ได้ ขอบอกเลยว่าเธอจิตใจแย่เต็มที แก้ไขด้วยนะ

http://sakid.com/2008/01/18/7810/

บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตมีค่าและมีความสุข


บันไดขั้นที่ 1 มองตัวเองว่าดีและมีค่าทุกวัน

ในแต่ละวันให้นึกถึงความดี และความโชคดีของตนเอง เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตอนเช้า ให้ยิ้มกับตัวเอง และนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ให้นึกถึงความดีของตนเองที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่สามารถนึกได้ง่าย ๆ) เช่น เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ คิดว่าตัวเองดี และมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดี ๆ และให้นึกซ้ำ ๆ จะได้เกิดความเชื่อตามที่นึกนั้น คุณก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจ และเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วย คุณจะเกิดความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดี ๆ ให้กับชีวิตต่อไป และต้องอวยพรตัวเองเสมอ ๆ อย่าแช่ง หรือตำหนิตัวเอง และอย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมคุณ ซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจ หรือได้มาก็ไม่สมใจ

บันไดขั้นที่ 2 มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี

ขั้นนี้คุณจะต้องมองว่าทุก ๆ คน มีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขา ซึ่งไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกันเลย ส่วนความไม่ดี หรือไม่เก่งของเขา (ซึ่งมีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขาเท่านั้น ถ้าคุณทำได้เช่นนี้ คุณก็จะเป็นคนที่มองอนาคน และชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา สองสิ่งนี้ ถ้าคุณทำเป็นนิสัย คุณจะพบว่า โลกนี้มีสิ่งที่ดี ๆ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่าง ๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต


บันไดขั้นที่ 3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

คือการอยู่กับปัจจุบัน ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะสมใจ หรือไม่สมใจก็ตาม จงชื่นชมในความตั้งใจทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่า ในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น คุณต้องเลิกจดจำ หรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับคุณในอดีต เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต เท่ากับคุณไปสะกิดแผลในใจ และจะทำให้คุณเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันคุณไม่มีความสุข และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำ ๆ อีก

บันไดขั้นที่ 4 มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ

ความหวัง ความเชื่อ เกิดจากความคิดถึงบ่อย ๆ หรือได้ยินบ่อย ๆ จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อย ๆ จะส่งผลให้เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่กลัว มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก แต่จะมีความหวังที่ดี ๆ (Good Hope) อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวัง (Expectation) กับชีวิต เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัว หรือกังวลว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้

บันได้ขั้นที่ 5 ปรับปรุงตัวเองเสมอ

โดยปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิตคือ

1. การงาน ให้มีความขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว และกล้าลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ควรทำ จะทำให้มีการลงมือทำสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิตได้เรื่อย ๆ และปรากฏเป็นผลงานที่ชัดเจน

2. ครอบครัว จะต้องยึดหลักที่เป็นมงคลต่อกันคือ ไม่อิจฉา ไม่ระแวง ไม่แข่งขัน ไม่นอกใจ รู้จักการให้และการอภัย มีน้ำใจ และรู้จักเกรงใจกัน

3. สังคม หมั่นสร้างมิตรเสมอ มีการให้ความสำคัญกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และพูดจากันแบบปิยะวาจา

4. ตนเอง ต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ และมีกำลังใจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น

มิตรภาพ ระหว่างเพื่อน

10 ข้อดีของเพื่อน
1. เพื่อน . . . ให้คุณซบไหล่ยามที่คุณร้องไห้ได้

2. เพื่อน . . . กำจัดความกลัวและความผิดหวังของคุณ และให้คำแนะนำที่เหมาะสม

3. เพื่อน . . . เคารพคุณด้วยความชื่นชมในสติปัญญา และความมีเสน่ห์ของคุณ และปฎิบัติต่อคุณเป็นอย่างดี

4. เพื่อน . . . ทำให้คุณรู้สึกพิเศษในโอกาสที่สำคัญอย่างเช่นวันเกิดคุณ

5. เพื่อน . . . เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่คุณในการเป็นเพื่อน เพื่อคุณจะนำไปปฏิบัติกับเพื่อนร่วมงาน และเป็นเพื่อนที่ดีของคนอื่นๆ อีก

6. เพื่อน . . . ช่วยเหลือคุณจากพวกที่เข้ามาคุยกับคุณ แบบไม่ยอมเลิกในงานปาร์ตี้

7. เพื่อน . . . ไม่สนใจว่า บนใบหน้าคุณจะมีตุ่มหรือแผลเป็นในยามที่คุณยังไม่ได้แต่งหน้า

8. เพื่อน . . . ให้คุณเล่นแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของเธอ

9. เพื่อน . . . ช่วยคุณเลือกซื้อหมวก เมื่อผมทรงใหม่สร้างความหายนะ

10. เพื่อน . . . พูดอย่างตื่นเต้นว่า "เราชอบหนังเรื่องสั้น" เวลาคุณแนะนำให้เธอไปเช่าวิดีโอเรื่องที่คุณชอบดูซ้ำซากมาดูอีกครั้ง

หากคุณและเพื่อนเริ่มรู้สึกถึงความห่างเหินและรู้สึกไม่ดีต่อกัน ควรจะนัดพบและหากิจกรรมทำร่วมกันอย่าง เช่น
1. หาซื้อรองเท้า (เธอไม่ห้ามคุณซื้อรองเท้าสีดำอีกคู่หรอก)

2. หาร้านนั่งจิบกาแฟ

3. ดูหนังแบบมาราธอนด้วยกัน

4. มานอนค้างคืนกันที่บ้าน นั่งทาเล็บกันแล้วหาขนมคบเคี้ยวกินแก้เซ็ง

5. เข้าร้านทำผม แล้วก็นั่งคุยเล่นกันระหว่างเสริมสวย



สิ่งที่รักษามิตรภาพไว้
1. การเคารพกัน

2. เสียงหัวเราะ

3. การโกหกเพื่ออีกฝ่าย

4. นั่งกินจังค์ฟู้ดกัน

5. ชื่นชมกันและกัน

6. อดทน

7. กอดกันบ่อยๆ


ไม่มีข้ออ้างที่จะทิ้งเพื่อน ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น หมั่นติดต่อกันเสมอๆ โดย

1. ไปเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายด้วยกัน เช่น ชวนกันไปตีเทนนิสหรือเข้าคอร์สฟิตเนสหลังเลิกงาน

2. ไปจิบกาแฟกันในวันหยุดสุดสัปดาห์

3. หาโปรแกรมหนังดีๆ ดูด้วยกัน สัก 2 ครั้งต่อเดือน

4. ส่งอีเมล์หรือบัตรอวยพรเขียนว่า "คิดถึงเธอจัง" ไปให้เพื่อน

5. กดโทรศัพท์มือถือไปทักทายเมื่อยามรถติด

6. ทำอาหารรับประทานด้วยกัน

มิตรภาพระหว่างเพื่อนยังมีอีกมากมายที่เพื่อนมีให้เพื่อน . . . อย่าให้ความรู้สึกเพียงเล็กน้อยมาทำลายมิตรภาพระหว่างคำว่าเพื่อนของเราเลย . . . เพื่อนยังไงก็คือเพื่อน โกรธกันอย่างไรก็ยังเป็นเพื่อน เพราะมิตรภาพระหว่างเพื่อน เปรียบเสมือนเส้นสายใย หล่อเลี้ยงทั้งกายใจ มั่นคงไว้แสนยาวนาน อาจจะโกรธกันบ้าง แต่สุดท้ายความเป็นเพื่อนของเราก็จะยังคงอยู่ต่อไป ^-^

24 กันยายน 2553

ระบบเลขฐานและตรรกศาตร์

ระบบฐาน

คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ ที่ต้องอาศัยตัวเลขและหลักการทางคณิตศาสตร์ ในการสร้างข้อมูลและการประมวลผล ซึ่งระบบเลขฐานที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ มี 4 ระบบ ได้แก่ ระบบเลขฐานสิบ ระบบเลขฐานสอง ระบบฐานแปด และระบบฐานสิบหก
1. ระบบเลขฐานสิบ (Decimal Numbering System)
ระบบเลขฐานสิบเป็นระบบที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น การนับจำนวนวัตถุ สิ่งของ หรือการนับจำนวนคน ระบบเลขฐานสิบใช้สัญลักษณ์ 10 ตัว ได้แก่ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 โดยตัวเลข 0 แทนค่าที่น้อยที่สุด เลข 9 แทนค่ามากที่สุด และจะเพิ่มค่าทีละหนึ่ง 2 3 … จนครบ 10 ตัว

2. ระบบเลขฐานสอง (Binary Numbering SyStem)
ข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลตัวเลข ตัวอักษร เสียง หรือรูปภาพนั้น เมื่อนำเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ จะทำการเข้ารหัสหรือแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปเลขฐานสอง และประมวลผลเสร็จแล้วจึงทำการแปลงข้อมูลกลับมาในรูปแบบที่มนุษย์เข้าใจ ระบบเลขฐานสอง ประกอบด้วยสัญลักษณ์เพียง 2 ตัว คือ 0 และ 1
3. ระบบเลขฐานแปด (Octal Numbering System)
ระบบฐานสิบไม่มีสัญลักษณ์สำหรับเลข 10 ระบบเลขฐานสองไม่มีสัญลักษณ์เลข 2 ดังนั้นในระบบเลขฐานแปดจึงไม่มีสัญลักษณ์เลข 8 สรุปได้ว่า สัญลักษณ์ที่ใช้ในระบบเลขฐานแปด มีจำนวนทั้งสิ้น 8 ตัว ได้แก่ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6 และ7
4. ระบบเลขฐานสิบหก (Hexadecimal Numbering System)
ในระบบเลขฐานสิบหกมีสัญลักษณ์ที่ใช้ในระบบเลขฐานสิบหก จำนวน 16 ตัว ได้แก่ 0, 1,2,3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, A, B, C, E, F


ตรรกศาตร์

สมัยก่อนบางครั้งเรียกคอมพิวเตอร์ว่า "สมองอิเล็กทรอนิกส์""เพราะมีความสามารถในการแก้ปัญหาได้ถูกต้องจนน่าประหลาด
ใจในความเป็นจริงแล้วคอมพิวเตอร์มิได้มีสิ่งใดที่เหมือนสมองมนุษย์ซึ่งแก้ปัญหาชนะคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดายเพราะบ่อยครั้งที่
คอมพิวเตอร์มิได้มีสิ่งใดที่เหมือนสมองมนุษย์ซึ่งแก้ปัญหาชนะคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดายเพราะบ่อยครั้งที่คอมพิวเตอร์มักจะสับสน
กับปริศนาทางตรรกศาสตร์อยู่เสมอพีชคณิตบูลีน(Boolean algebra)ช่วยให้เราแก้ปัญหาไปทีละขั้นจนได้ข้อสรุปที่ถูกต้องนี่ก็คือสิ่งที่
คอมพิวเตอร์ทำได้เร็วกว่ามนุษย์นับเป็นล้านๆเท่าวิศวกรให้ความสามารถด้านนี้แก่คอมพิวเตอร์โดยใส่กฎทางตรรกศาสตร์เข้าไปในวง
จรอิเล็กทรอนิกส์เรียกว่า "เกต" (gate)ซึ่งสวิตซ์สจะเปิดหรือปิดเมื่อสัญญาณเข้ามีการผสมผสานที่ถูกต้องการแสดงผลเชิงตัวเลขทำ
ได้โดยการเชื่อมโยงเกตเข้าด้วยกันภายใต้กฎเกณฑ์ที่กำหนด

ดอกไม้ประจำวันเกิด


เกิดวันอาทิตย์

ต้นไม้ประจำวันเกิด เป็นต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม

ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิด เป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์

คนเกิดวันนี้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือล้น เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย


เกิดวันจันทร์

ต้นไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี

ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเพราะคนวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน


เกิดวันอังคาร

ต้นไม้ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุข

ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้


เกิดวันพุธ

ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร ดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรัก สันติภาพ

ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน


เกิดวันพฤหัสบดี

ต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ

ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักงายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ


เกิดวันศุกร์

ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน

ส่วนดอกไม้ของเธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือ หรือจะเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอแลตว่า "ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอน ไปครองอีกดอกหนึ่ง


เกิดวันเสาร์

จะมีต้นไม้พวกต้นกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด

ดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว

29 กรกฎาคม 2553

คำคม เกี่ยวกับ ความรัก


Togetherness isn't always what we caii iove.
[ความรักไม่ใช่การอยู่ร่วมกันเสมอ เพราะฉะนั้น จงอย่าเสียใจ ถ้าวันใดวันหนึ่งความรักเดินจากไป]

Let the iove in your heart grow naturally,be sincere to yourselff.
[เราไม่สามารถบังคับให้ใครรักหรือหยุดรักเราได้ และเราก็ไม่สามารถบังคับหวใจตัวเองใหรักหรือหยุดรักใครได้ เมื่อความรักจะเกิดอย่ากดมันเอาไว้ ปล่อยให้มันเจริญเติบโตและงอกงามอย่าเต็มที่]

Encounter your real feeling.
[เราทุกคนต่างก็โหยหาความรัก]

Allow yourself some time to learn.
[ไม่มีใครรู้หรือกำหนดอนาคตได้ เพราะฉะนั้น จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด]

Learn to let go of things.
[ปล่อยให้เหลือพื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคนบ้าง]

The best time in my life is having you beside me.
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของฉัน คือคือวันที่มีเธอเคียงข้าง

The happy time in my life is doing everything for you.
ช่วงเวลาที่มีความสุขของฉัน คือการไกระทำทุกสิ่งเพื่อเธอ

I’ve know many people in this world
But l’ve a few to understand and truly love me.
One of them is you
มีคนมากมายในโลกกว้างที่ฉันรู้จัก แต่มีอยู่น้อยคนคน
ที่ฉันมั่นใจว่ารักและเข้าใจฉันจริง คนดี..เธอคือคนหนึ่งนั้น


You’ve made my routine days become more meaning.
เธอทำให้วันคืนอันแสนธรรมดา เป็นวันเวลาที่มีความหมาย

This heart of flower I give it to you.
Please keep it closer to your heart too.
ดอกไม้ของหัวใจ ฉันมีมามอบให้
เก็บเอาไว้นะ...อย่าปล่อยวาง โปรดเก็บไว้ข้างๆ หัวใจเธอ

Everything I gave you won’t make me lost.
Everything you gave me I should make it worth.
ทุกสิ่งที่ให้เธอ ฉันไม่เคยรู้สึกสูญเสีย
ทุกสิ่งที่เธอให้ ฉันจะเก็บดูแลรักษาไว้ด้วยหัวใจ

Please take your heart out of cover
Let me help you discover a perfect love.
Look high, there’s a bright and blue sky
Look at my eyes, there’s love inside.
โปรดเปิดประตูหัวใจ ให้ฉันได้เข้าไปค้นหาความรักที่งดงาม
ในวันที่ฟ้าคราม เธอเห็นความรักในดวงตาของฉันไหม

My hero that what you are in my love story you’re the star.
It’s you, so sweet and true.
เธอคือคนดีในชีวิต ทั้งในความคิด ความใฝ่ฝัน
ในเรื่องราวของความรักทุกคืนวัน เธอคือพระเอกตลอดกาลนิรันดร์ไป

Remember I’m in love with you.
Please save your heart for me.
อย่าลืมนะว่าเรารักกัน
เพราะฉะนั้น กรุณาเก็บรักษาหัวใจของเธอไว้ให้ฉันด้วย

More than the greatest love the world has know
This is the love I’ll give to you alone
More than the simple words I try to say
I only live to love you more each day.
มากกว่าความรักทั้งหมดในโลกนี้ที่ฉันรู้จัก
คือความรักที่ฉันมีให้เธอ
มากกว่าถ้อยคำในโลกนี้ทั้งหมดก็คือ
ฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่อรักเธอมากขึ้นทุกวัน


You’re my dream that comes true.
เธอคือคนของความฝัน ที่ฉันค้นพบเจอในความจริง

Don’t forget to remember me and the love that’s used to be
I’m still remember you and everything we’re used to do.
อย่าลืมฉัน อย่าลืมวันที่เคยใกล้
อย่าลืมนึกถึงหัวใจ ที่ใครหนึ่งฝากไว้ให้เธอดูแล

Don’t throw my love away, you might need it someday.
ความรักของฉันอาจไร้ค่า แต่โปรดอย่าทำลายจะได้ไหม
บางทีในวันหนึ่งซึ่งเธอไม่มีใคร
อาจเป็นสิ่งที่เติมความหมายในใจเธอ

You’re in my thought.
You’re in my days and in my heart always.
เธออยู่ในความคิดถึงและทุกที่ที่มีฉัน
เธออยู่ในคืนวัน อยู่ในความผูกพันของหัวใจ

When I feel happy, I dare to laugh among people.
But when I feel blue I’ve just to cried with you
Because you’re the only one who understand me.
เมื่อมีความสุข ฉันกล้าที่จะหัวเราะต่อหน้าใครต่อใครมากมาย
แต่ในยามทุกข์เศร้า เธอคือคนเดียวที่ฉันกล้าจะร้องไห้ต่อหน้า
เพราะฉันรู้...มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะเข้าใจฉัน

I’ve never care what tomorrow come
I’ve care just only today that l have you.
วันข้างหน้าเป็นอย่างไรไม่สำคัญ ขอแค่รู้ว่าวันนี้นั้นยังมีเธอ

I’m so happy to be near you
And give the best things to you.
สุขที่ได้อยู่ใกล้...ใกล้กับเธอสุขที่ได้ให้เธอในสิ่งที่ดี

I’ve know for a long time how much you care me
And how much I meant to you
Thank you for everything you’ve done for me
I’m very proud to have you in my life
I’ll always love you with all my heart
ตลอดเวลาที่ผ่านมา กับความรู้สึกดีดีที่เธอมีให้
ฉันรับรู้และปลื้มใจ กับการเป็นคนที่มีความหมายสำหรับเธอ
ขอบคุณทุกสิ่งอย่าง ที่เธอได้สรรค์สร้างให้ฉันเสมอ
ภูมิใจที่ชีวิตนี้ได้มีเธอ คนที่ฉันรักเสมอทั้งหัวใจ


Sky and sea meet each other at the horizon
You and me meet each other at love
ฟ้ากับน้ำ พบกันที่ขอบฟ้าไกล หัวใจของเรา พบกันที่ความรัก

I’ll give my heart to you weather you’ll keep it of not
I’ve just only want you to know
I care and love you a lot.
ฝากหัวใจไว้ให้ จะเก็บไว้ตรงไหนก็ได้
ขอเพียงทุกที่ที่เธอไป จะรับรู้ถึงความห่วงใยที่หัวใจฉันมี

Love and care’s binding our heart to be one.
เพราะความรัก ความผูกพัน เราจึงรู้สึกเหมือนมีหัวใจดวงเดียวกัน

Love is colorful like flowers.
Your love is the most beautiful flower
that I’ve ever had in my life.
ความรัก มีสีสันเหมือนดอกไม้ สวยสดและงดงาม
ความรักที่เธอมีให้ จึงเหมือนดอกไม้ที่สวยที่สุดในชีวิตของฉัน

Looking in your eyes, I know you need to fine
A love to mend your broken heart, So let me give you mine.
หากคุณกำลังค้นหาใครสักคน เพื่อเยียวยาหัวใจอันหม่นไหม้
ฉันยังอยู่ตรงนี้ไม่มีใคร พร้อมจะทุ่มเทใจให้กับคุณ

From now on, It’s the beginning of two hearts
That’s re-union into one. Walk together with hand in hand
And fill the heart with love and understand.
และนับจากวันนี้ นี่คือจุดเริ่มต้น
ที่หัวใจคนสองคน จะผูกพันด้วยความรู้สึกเดียว
เก็บเกี่ยวความฝัน ความรัก
ก้าวต่อไปข้างหน้าร่วมกันด้วยความเข้าใจ



To love is to let go of certain feeling Break all the love condios.
[ความรักไม่ใช่การอยู่ร่วมกันเสมอไป ตราบใดที่คนที่เรารักมีความสุข ไม่ว่าจะต้องหรืออยู่ห่างหรืออยู่ใกล้แค่ไหน เราก็ยังสุขใจ]

Tiny moments of love count.
[เก็บ จำ และทำช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันให้มีความหมายที่สุด] ..ชอบอันนี้มากเลยความหมายดี

No hope, no love...no life.
[คนที่ไม่มีความหวัง และคนที่ไม่มีความรัก ก็เปลียบเสมือนคนที่ไม่มีลมหายใจ]

You are not what others say you are.
[อย่าปล่อยให้คำพูดของคนอื่นมาทำให้เราเครียดได้]

You will see the real bwauty of what it has to offer.
[รักได้อย่างนี้ไม่เสียใจ รักอย่างเข้าใจไม่มีน้ำตา แค่รักเพื่อรัก กำจัดเงื่อนไขให้ได้มากที่สุด และสร้างเงื่อนไขให้ได้น้อยที่สุด เท่านี้ความรักก็สวยงาม]

Accept the mandatory change.
[ความรักคือความรู้สึกที่มั้นคง]

อาหารประจำภาค


ภาคกลาง
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ข้าวปลาอาหารจึงอุดมสมบูรณ์เกือบตลอดทั้งปี รวมทั้งมีพืชผัก ผลไม้นานาชนิด

ด้วยเหตุนี้อาหารภาคกลางจึงเป็นอาหารที่มีความหลากหลาย ทำให้รสชาติของอาหารภาคกลางไม่เน้นไปทางรสใดรสหนึ่งโดยเฉพาะ คือมีทั้งรสเค็ม เผ็ด เปรี้ยว และหวานคลุกเคล้าไปตามชนิดต่างๆของอาหาร นอกจากนี้มักมีการใช้เครื่องปรุงแต่งกลิ่นรส เช่น เครื่องเทศ และมักใช้กะทิเป็นส่วนประกอบของอาหาร

อาหารภาคกลางเป็นอาหารที่มักจะมีเครื่องเคียงของแนมร่วมรับประทานด้วย เช่น น้ำพริกลงเรือ แนมด้วยหมูหวาน น้ำปลาหวานทานกับสะเดา เป็นต้น

จุดเด่นคือ อาหารภาคกลางมักจะมีการประดิษฐ์ สร้างสรรค์อย่างวิจิตรบรรจง ผัก และผลไม้มีการแกะสลักอย่างสวยงาม แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่มีศิลปะและวัฒนธรรมที่งดงาม


ภาคใต้

พื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ลักษณะภูมิประเทศเป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล ประชากรส่วนใหญ่จึงนิยมทำประมง

ด้วยเหตุนี้อาหารหลักของภาคใต้จึงเป็นอาหารทะเลสด และนิยมใช้เครื่องเทศในการปรุงอาหาร รสชาติจะเผ็ดร้อน เค็มและเปรี้ยว เช่น แกงไตปลา แกงส้ม และแกงเหลือง เป็นต้น

อาหารภาคใต้นิยมทานควบคู่กับผักเพื่อช่วยลดความเผ็ดร้อนลง ซึ่งเรียกว่า ผักเหนาะ เช่น มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว ถั่วพู สะตอเป็นต้น


ภาคเหนือ

เป็นดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาแต่อดีต มีขนบธรรมเนียม ประเพณีที่แตกต่างไปจากภาคอื่นๆ

การรับประทานอาหารของทางภาคเหนือจะใช้โก๊ะข้าว หรือที่เรียกว่า ขันโตก แทน โต๊ะอาหาร โดยจะนั่งล้อมวงเพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน

คนภาคเหนือจะรับประทานข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก โดยอาหารของทางภาคเหนือจะเป็นอาหารที่สุกมากๆ และเป็นอาหารประเภทที่ผัดกับน้ำมันเป็นส่วนใหญ่







ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เป็นดินแดนที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ทำให้อาหารพื้นเมืองจึงเป็นอาหารพวกแมลงหลายชนิด ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่หล่อเลี้ยงชีวิตประชากรในภาคนี้

อาหารอีสานส่วนใหญ่จะมีข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก ส่วนพืชผัก และเนื้อสัตว์ที่นำมาใช้ประกอบอาหารได้มาจากภายในท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่

อาหารอีสานมักใช้ปลาร้าเป็นเครื่องปรุงรสในอาหารเกือบทุกชนิด แต่ไม่นิยมใส่ในอาหารประเภทผัด และมักรับประทานคู่กับผักสด

การจัดดอกไม้

จัดดอกไม้สไตล์ Topiary
โทปิอารี่ (Topiary) เป็นศิลปะการตกแต่งไม้พุ่มให้เป็นรูปทรงต่างๆ โดยเฉพาะรูปทรงเรขาคณิต เช่น รูปทรงกลม รูปสามเหลี่ยม หรือรูปสี่เหลี่ยม รวมทั้งการตกแต่งให้เป็นรูปคน สัตว์ หรือสิ่งของต่างๆ ซึ่งศิลปการตกแต่งดังกล่าวนี้เป็นที่นิยมตั้งแต่ยุคโบราณจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้และต่อมานักจัดดอกไม้ก็ได้นำศิลปะการจัดโทปิอารี่มาใช้ในการจัดดอกไม้ด้วย โดยโทปิอารี่ที่จัดง่ายที่สุดคือรูปทรงกลม และดอกไม้ที่จัดโทปิอารี่ได้สวยที่สุดก็คือ ดอกกุหลาบนั่นเอง

การจัดดอกไม้รวม
การจัดดอกไม้รวมให้ออกมาดี คือ ดอกไม้แต่ละแบบต้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน และการส่งเสริมกันนี้ จะทำให้ความงามของดอกไม้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

การจัดดอกไม้สีโทนร้อน

สีโทนร้อนได้แก่ สีแดง สีส้มหรือสีแสด สีเหลือง สีม่วง เป็นต้น สีโทนร้อนเป็นสีที่แสดงถึงพลัง ความบ้าคลั่ง ความตื่นเต้นเร้าใจ การเย้ายวน ความกระฉับกระเฉง และไม่พ่ายแพ้ง่าย ๆ ถ้าคุณจะจัดดอกไม้โทนร้อนในบ้าน ควรเลือกมุมที่แสงแดดส่องถึง การจัดลำดับสีโทนร้อนมีความหลากหลาย ที่จะทำให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์แบบไม่จำกัด

การจัดดอกไม้สีโทนอ่อน
สีโทนอ่อนเป็นสีเย็นตา เช่น สีขาว มักใช้ในโอกาศสำคัญเกี่ยวกับทางศาสนา เช่น งานแต่ง ดอกไม้สีขาวเป็นทางเลือกคลาสสิค ความงามตามธรรมชาติของดอกไม้สีอ่อน ทำให้ดูดีขึ้นได้ด้วยการเลือกใบอย่างชาญฉลาด ภาชนะที่ใส่ถ้าเป็นดอกสีขาว ภาชนะอาจจะเลือกให้อยู่ในโทนเดียวกันก็ได้ จะให้ความงามที่สบายตา และดูมีรสนิยม

การจัดดอกไม้ขนาดใหญ่

การจัดดอกไม้ขนาดใหญ่ ต้องการภาชนะที่ใหญ่และหนัก ภาชนะที่ใช้อาจจะเป็นแจกันขนาดใหญ่ โอ่งขนาดเล็กหรือกลาง หรือง่าย ๆ ถังสีที่คุณใช้แล้ว ทำความสะอาดสักหน่อย ก็จะให้ความสวยที่ไม่แพ้กับแจกันราคาแพง ยิ่งเป็นการจัดดอกไม้ใหญ่เท่าไร ความสำคัญของภาชนะก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นจุดสนใจด้วย

การจัดดอกไม้สมัยใหม่

การจัดดอกไม้แบบสมัยใหม่ ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลมาจากญี่ปุ่นเป็นอันมาก โดยมีอิทธิพลของจิตรกรเป็นส่วนประกอบด้วย เพราะลักษณะรูปแบบในการจัดดอกไม้ตามแบบสมัยใหม่ มีทีท่าส่อไปในรูปแบบที่คำนึงถึงความง่าย ความสะดวก เช่นเดียวกับการจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น ไม่พิถีพิถันในการเลือกสรรวัสดุการจัดและอุปกรณ์แต่อย่างได หากแต่ว่าได้เน้นหนักไปในทางที่จะต้องทำให้ได้ส่วนสัมพันธ์และรับกันกับแบบของเครื่องเรือนหรือลักษณะและรูปแบบของห้องที่นำมันไปประดับเป็นส่วนประกอบมากกว่าอื่นใดทั้งหมด

การเลือกเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน

สำหรับการเลือกเฟอร์นิเจอร์ “งบประมาณ” ก็มีส่วนสำคัญมากเช่นกัน เบื้องต้นเราต้องกำหนดก่อน หรือปรึกษาร่วมกันกับมัณฑนากรของท่านก็ได้ว่า เครื่องเรือนใดที่ท่านมีอยู่เดิม และจะนำกลับมาใช้ใหม่ หรือชิ้นไหนที่ท่านจะขอไปเลือกซื้อเอง

หรือ แยกงบออกมา แล้วขอคำปรึกษาในการเลือกซื้อ กับมัณฑนากรของท่านก็ได้เช่นกัน ไม่ว่าท่านจะเลือกเองหรือให้มัณฑนากรช่วยเลือก หรือร่วมกันเลือก สิ่งสำคัญที่สุด คือ

ความเหมาะสมกับความงาม
สำหรับเจ้าของบ้าน ผู้คุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงเครื่องเรือน เหล่านี้อยู่บ่อยๆ อาจมีความชำนาณมาก บางครั้งมากกว่าผู้ออกแบบด้วยซ้ำ

“ความเหมาะสม” ที่ว่าถึง คือ สัดส่วนของเครื่องเรือนกับพื้นที่ เช่น ไม่ควร เลือกเครื่องเรือนที่ทึบตัน สีเข้มกับพื้นที่เล็ก และตกแต่งด้วยโครงสีเข้ม เช่นเดียวกัน เพราะจะทำให้ห้องเล็ก และสูญเสียพื้นที่ใช้สอยอย่างไม่เหมาะไม่งาม เป็นต้น

นอกจากความเหมาะสมเรื่อง “รูปทรง สี” ที่สัมพันธ์กับพื้นที่แล้ว “รสนิยมเรื่องรูปแบบเครื่องเรือน” ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เจ้าของบ้านบางท่าน ชอบที่จะติดตามใส่ใจในข่าวสารเรื่องราว เกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน ทั้งจากนิตยสารต่างๆ สื่อต่างๆ ทั้งไทยและเทศ ก็จะเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยรสนิยมได้

“รสนิยมที่ดี” มีได้ด้วยดูมากเห็นมาก อันจะช่วยยกระดับงานตกแต่งบ้านให้มีคุณค่าได้

นอกเหนือไปจาก “การวางผังที่ดี การออกแบบที่ดี” แล้ว เครื่องเรือนลอยตัวที่ดี ก็จะเป็นพระเอก นางเอก ที่เป็นตัวแทนบุคลิกของเรา ความเป็นตัวตนของเรา โดยมีโครงออกแบบ โครงสีของพื้น ผนัง เพดาน รวมๆเป็นฉากหลังให้กับตัวละครเอกของเราเช่นนี้ เป็นต้น

สำหรับรูปแบบของเครื่องเรือน เช่น แบบสมัยใหม่ ก็มีทั้งของแท้และของเลียนแบบ ของใช้แล้วแต่ยังทรงคุณค่า มีให้เลือกหลายที่ เช่น แถวย่านทองหล่อ เอกมัย สุขุมวิท เป็นต้น

ข้อพิจารณาในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สำหรับนั่ง คือ
- ควรเลือกให้เหมาะกับขนาดของห้อง คือ ไม่ควรซื้อชุดรับแขกที่ใหญ่
เกินไปในห้องที่แคบ เพราะจะทำให้เกะกะและไม่สะดวกต่อการสัญจร
ภายในห้อง ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่เล็กเกินไปก็จะทำให้ห้องขาดความสมดุล
ระหว่างเฟอร์นิเจอร์กับพื้นที่ของห้อง
- ควรมีการทดลองนั่งดูก่อนว่าสบายหรือไม่
- การใช้โซฟาแบบ 2 ที่นั่งจะเกิดประโยชน์มากกว่าการใช้เก้าอี้ 2 ตัว
เพราะนอกจากจะประหยัดเนื้อที่มากกกว่าแล้วยังสะดวกต่อการนั่ง
สนทนาตั้งแต่ 2 คนอีกด้วย
- ควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น หากคุณใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดูทีวีในห้องรับแขก
หรือห้องนั่งเล่น คุณควรจะพิจารณาเฟอร์นิเจอร์นั่งสบายที่มีพนักรองรับคอและแผ่นหลัง เป็นต้น

ข้อพิจารณาในการเลือกซื้อโต๊ะเตี้ย และโต๊ะข้าง คือ

- โต๊ะเตี้ยและโต๊ะข้างที่วางใกล้โซฟานั้นจะต้องรู้ว่าต้องการใช้ทำอะไร เช่น วางที่เขี่ยบุหรี่ วางโคมไฟ เป็นต้น
ดังนั้นการเลือกซื้อโต๊ะจึงต้องขึ้นอยู่กับเก้าอี้รับแขกที่ใช้คู่กัน
- ถ้าเป็นเก้าอี้ไม่มีท้าวแขน ควรเลือกซื้อโต๊ะที่มีความสูงอยู่ระดับเดียวกับเบาะรองนั่งของเก้าอี้
- ถ้าเป็นเก้าอี้แบบมีที่ท้าวแขน ความสูงของโต๊ะควรอยู่ต่ำกว่าท้าวแขนประมาณ 1-2 นิ้ว เพื่อความสะดวก
ในการหยิบของ

จริยธรรมและความปลอดภัย

เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบต่อสังคมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นจริยธรรมที่เกี่ยวกับระบบสารสนเทศที่จำเป็นต้องพิจารณารวมทั้งเรื่องความปลอดภัยของระบบสารสนเทศการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหากไม่มีกรอบจริยธรรมกำกับไว้แล้ว สังคมย่อมจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาไม่สิ้นสุด รวมทั้งปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ด้วย ดังนั้นหน่วยงานที่ใช้ระบบสารสนเทศจึงจำเป็นต้องสร้างระบบความปลอดภัยเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว


ประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรม
คำจำกัดความของจริยธรรมมีอยู่มากมาย เช่น “ หลักของศีลธรรมใ นแต่ละวิชาชีพเฉพาะ ”

“ มาตรฐานของการประพฤติปฏิบัติในวิชาชีพที่ได้รับ ” “ ข้อตกลงกันในหมู่ประชาชนในการกระทำสิ่งที่ถูกและหลีกเลี่ยงการกระทำสิ่งที่ผิด ” หรืออาจสรุปได้ว่า จริยธรรม (Ethics) หมายถึง หลักของความถูกและความผิดที่บุคคลใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ (Laudon & Laudon, 1999:105)


กรอบความคิดเรื่องจริยธรรม
หลักปรัชญาเกี่ยวกับจริยธรรม มีดังนี้ (Laudon & Laudon, 1999)

R.O. Mason และคณะ ได้จำแนกประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศเป็น 4 ประเภทคือ ความเป็นส่วนตัว (Privacy) ความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy) ความเป็นเจ้าของ (Property) และความสามารถในการเข้าถึงได้ (Accessibility) (O'Brien, 1999: 675; Turban, et al., 2001: 512)

1) ประเด็นความเป็นส่วนตัว (Privacy) คือ การเก็บรวบรวม การเก็บรักษา และการเผยแพร่ ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับปัจเจกบุคคล

2) ประเด็นความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy) ได้แก่ ความถูกต้องแม่นยำของการเก็บรวบรวมและวิธีการปฏิบัติกับข้อมูลสารสนเทศ

3) ประเด็นของความเป็นเจ้าของ (Property) คือ กรรมสิทธิ์และมูลค่าของข้อมูลสารสนเทศ (ทรัพย์สินทางปัญญา)

4) ประเด็นของความเข้าถึงได้ (Accessibility) คือ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้และการจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ



การคุ้มครองความเป็นส่วนตัว (Privacy)

ความเป็นส่วนตัวของบุคคลต้องได้ดุลกับความต้องการของสังคม
สิทธิของสาธารณชนอยู่เหนือสิทธิความเป็นส่วนตัวของปัจเจกชน
การคุ้มครองทางทรัพย์สินทางปัญญา
ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยปัจเจกชน หรือนิติบุคคล ซึ่งอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของกฎหมายลิขสิทธิ์ กฎหมายความลับทางการค้า และกฎหมายสิทธิบัตร

ลิขสิทธิ์ (copyright) ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 หมายถึง สิทธิ์แต่ผู้เดียวที่จะกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ทำขึ้น ซึ่งเป็นสิทธิ์ในการป้องกันการคัดลอกหรือทำซ้ำในงานเขียน งานศิลป์ หรืองานด้านศิลปะอื่น ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวลิขสิทธิ์ทั่วไปมีอายุห้าสิบปีนับแต่งานได้สร้างสรรค์ขึ้น หรือนับแต่ได้มีการโฆษณาเป็นครั้งแรกในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีอายุเพียง 28 ปี

สิทธิบัตร (patent) ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 หมายถึง หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยสิทธิบัตรการประดิษฐ์มีอายุยี่สิบปีนับแต่วันขอรับสิทธิบัตร ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะคุ้มครองเพียง 17 ปี



อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (Computer Crime)

Sorry, your browser doesn't support Java(tm).

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์อาศัยความรู้ในการใช้เครื่องมือคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น โดยสามารถทำให้เกิดความเสียหายด้านทรัพย์สินเงินทองจำนวนมหาศาลมากกว่าการปล้นธนาคารเสียอีก นอกจากนี้อาชญากรรมประเภทนี้ยากที่จะป้องกัน และบางครั้งผู้ได้รับความเสียหายอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

• เครื่องคอมพิวเตอร์ในฐานะเป็นเครื่องประกอบอาชญากรรม
• เครื่องคอมพิวเตอร์ในฐานะเป็นเป้าหมายของอาชญากรรม

• การเข้าถึงและการใช้คอมพิวเตอร์ที่ไม่ถูกกฎหมาย

• การเปลี่ยนแปลงและการทำลายข้อมูล

• การขโมยข้อมูลข่าวสารและเครื่องมือ

• การสแกมทางคอมพิวเตอร์ (computer-related scams)


การรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์
การควบคุมที่มีประสิทธิผลจะทำให้ระบบสารสนเทศมีความปลอดภัยและยังช่วยลดข้อผิดพลาด การฉ้อฉล และการทำลายระบบสารสนเทศที่มีการเชื่อมโยงเป็นระบบอินเทอร์เน็ตด้วย ระบบการควบคุมที่สำคัญมี 3 ประการ คือ การควบคุมระบบสารสนเทศ การควบคุมกระบวนการทำงาน และการควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก (O'Brien, 1999: 656)



การควบคุมระบบสารสนเทศ (Information System Controls)

• การควบคุมอินพุท

• การควบคุมการประมวลผล

• การควบฮาร์ดแวร์ (Hardware Controls)

• การควบคุมซอฟท์แวร์ (Software Controls)

• การควบคุมเอาท์พุท (Output Controls)

• การควบคุมความจำสำรอง (Storage Controls)



การควบคุมกระบวนการทำงาน (Procedural Controls)

• การมีการทำงานที่เป็นมาตรฐาน และมีคู่มือ

• การอนุมัติเพื่อพัฒนาระบบ

• แผนการป้องกันการเสียหาย

• ระบบการตรวจสอบระบบสารสนเทศ (Auditing Information Systems)



การควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่น (Facility Controls)

• ความปลอดภัยทางเครือข่าย (Network Security)

• การแปลงรหัส (Encryption)

• กำแพงไฟ (Fire Walls)

• การป้องกันทางกายภาพ (Physical Protection Controls)

• การควบคุมด้านชีวภาพ (Biometric Control)

• การควบคุมความล้มเหลวของระบบ (Computer Failure Controls)

การบริการห้องสมุด

การบริการห้องสมุด
1. บริการยืม - คืนหนังสือ - สื่อ
บริการให้ยืมหนังสือและสิ่งพิมพ์ประเภทต่าง ๆ รวมทั้งสื่อการศึกษาของห้องสมุดยกเว้นหนังสืออ้างอิง
วารสารเย็บเล่ม หนังสือพิมพ์ วารสารใหม่

2. บริการตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า
บรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่จะให้คำอธิบายต่าง ๆ ในเรื่อง ห้องสมุด เช่น การใช้บัตรรายการ
การสืบค้นข้อมูลสารนิเทศ การสืบค้นทางอินเตอร์เน็ตแนะนำการใช้หนังสืออ้างอิง และแนะนำ
หนังสือเรื่องราวที่ผู้ใช้ต้องการค้นคว้า

3. บริการหนังสือสำรอง
ห้องสมุดจะจัดหนังสือที่มีจำนวนน้อยไม่พอกับจำนวนนักศึกษาเป็นหนังสือสำรองที่ให้ยืม
1 - 3 วัน หรือให้ใช้เฉพาะภายในห้องสมุด

4. บริการแนะนำการปฐมนิเทศการใช้ห้องสมุด (ภายในห้องสมุด)
เมื่อเปิดภาคเรียนหรือปีการศึกษาใหม่ห้องสมุดจะให้บริการแนะนำการใช้ห้องสมุดแก่นักศึกษาใหม่ทุกคน

5. บริการแนะนำหนังสือใหม่
ห้องสมุดให้บริการ ประชาสัมพันธ์หนังสือใหม่โดย จัดพิมพ์รายชื่อหนังสือใหม่และจัดแสดงหนังสือใหม่
ที่ตู้แสดงหนังสือใหม่เป็นประจำ

6. จัดนิทรรศการซึ่งเกี่ยวกับวันสำคัญต่าง ๆ ระหว่างวันที่1 มกราคม - 31 ธันวาคม ของทุกปี

7.บริการจุลสารกฤตภาคจุลสารคือสิ่งพิมพ์ที่มีขนาดเล็กกฤตภาคคือการตัดหรือถ่ายสำเนาเรื่องราว
เรื่องใดเรื่องหนึ่งจากหนังสือหรือสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ นำมาเก็บในแฟ้มเป็นเรื่อง ๆจุลสารและกฤตภาค
จะให้ความรู้เรื่องต่าง ๆ ที่ทันสมัยน่าสนใจ

วิธีการคูณเลข 2-3 หลักให้เร็ว

การคูณเลข 2 หลักที่มีหลักหน่วยเท่ากัน และหลักสิบรวมกันได้ครบสิบ หรือเลข 3 หลักที่มีหลักร้อยเท่ากัน และเลข 2 หลัก ที่เหลือรวมกันครบร้อยพอดี

การคูณเลข 2 หลัก มีหลักการดังนี้
1. หลักหน่วยคูณกันเป็นเลข 2 หลักท้าย คือ หลักหน่วย และหลักสิบ
2. หลักสิบคูณกันแล้วบวกด้วยหลักหน่วยตัวหนึ่งเป็นเลข 2 หลัก ถัดขึ้นมา คือหลักร้อยและหลักพ้น

การคูณเลข 3 หลักมีหลักการดังนี้
1. เอาเลข 2 หลักท้ายของทั้งตัวตั้งและตัวคูณ คูณเข้าด้วยกัน
2. เอาเลขหลักร้อยคูณตัวเลขถัดขึ้นไปจากตัวเอง คูณด้วย 10,000
3. ข้อ 1 + ข้อ 2

ลองทำแบบฝึกดังต่อไปนี้
1. 65 x 45 = ?
ก. 3,025 ข. 2,925 ค. 3,825 ง. 2,725

2. 77 x 37 = ?
ก. 2,649 ข. 2,749 ค. 2,849 ง. 2,949

3. 89 X 29 = ?
ก. 2,281 ข. 2,381 ค. 2,481 ง. 2,581

4. 88 X 28 = ?
ก. 2,464 ข. 2,564 ค. 2,664 ง. 2,764

5. 69 X 49 = ?
ก. 3,081 ข. 3,181 ค. 3,281 ง. 3,381

6. 739 X 761 = ?
ก. 562,389 ข. 562,379 ค. 562,369 ง. 562,359

7. 989 X 911 = ?
ก. 900,998 ข. 900,999 ค. 900,989 ง. 900,979

8. 457 X 443 = ?
ก. 202,451 ข. 202,461 ค. 202,551 ง. 202,561

9. 329 X 371 = ?
ก. 122,039 ข. 122,049 ค. 122,059 ง. 122,069

10.691 X 609 = ?
ก. 420,819 ข. 420,829 ค. 420,839 ง. 420,849

เฉลยคณิตฯ คิดเร็ว
1. ข 2. ค 3. ง 4. ก 5. ง 6. ข 7. ง 8. ก 9. ค 10. ก

30 มิถุนายน 2553

10 สายพันธุ์สุนัขที่ฉลาดที่สุดในโลก


1.border collie
เป็นสุนัขเลี้ยงแกะ ที่มีความสามารถมาก มีความสามารถขนาดไหน ถ้านึกไม่ออก ให้นึกถึง ภาพยนตร์เรื่อง Babe สุนัขที่สอนหมูให้
ต้อนฝูงแกะไง... นั่นแหละบอร์เดอร์ คอลลี นอกจากนี้ บอร์เดอร์ คอลลี ยังถูกใช้เป็นสุนัขตามหา คนที่หลงทางในภูเขา และนำทาง
คนตาบอดอีกด้วย

ต้นกำเนิดของบอร์เดอร์ คอลลีมาจากสก็อตแลนด์ เช่นเดียวกับคอลลีพันธุ์อื่นๆ ความสามารถพิเศษของบอร์เดอร์ คอลลี คือ การ
ทำงานได้อย่างเงียบเชียบ นุ่มนวล มันมักจะคืบคลาน หัวและหางเรี่ยอยู่ระดับพื้นดิน ใช้สายตาจ้องมองฝูงสัตว์ พร้อมจะกระโจนไล่
ต้อนฝูงสัตว์ หากได้รับคำสั่งจากเจ้านาย จากลักษณะดังกล่าวนี้เอง จึงคาดกันว่า บอร์เดอร์ คอลลี น่าจะเกิดจากการผสม ข้ามพันธุ์
ระหว่างคอลลี กับเซตเตอร์ หรือพอยเตอร์ หรือสเปเนี่ยน สุนัขพันธุ์นี้ถูกใช้เป็นสุนัขต้อนฝูงแกะมานาน โดยเฉพาะบริเวณชายแดน
ระหว่างอังกฤษ กับสก็อตแลนด์ จนเป็นที่มาของชื่อ บอร์เดอร์ คอลลี แต่มาตรฐาน ของสุนัขพันธุ์นี้ เพิ่งเป็นที่ยอมรับของสมาคมผู้
เลี้ยงสุนัข แห่งอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1976



2.poodleในบรรดาพันธุ์สุนัขทั้งหลาย พันธุ์ poodle ที่ถูกเพาะมาอย่างดี ถือเป็นพันธุ์ที่เฉลียวฉลาด และมีความรับผิดชอบสูงที่สุด poodle
ทั้ง 3 ชนิดเป็นสุนัขที่ร่าเริง ขี้เล่น ช่างประจบเอาใจ มีพลังงานเหลือล้น มีสเน่ห์ และต้องการเป็นที่พอใจของเจ้าของตลอดเวลาี่เมื่อ
เลี้ยงแล้ว เค้าจะมีความผูกพันธุ์สูงมากกับเจ้าของ เรียกได้ว่า รักถวายชีวิตทีเดียว ดังนั้น การเลี้ยงเค้าไม่ได้ตลอดไป หรือต้องให้
เค้าไปอยู่กับผู้อื่นเมื่อเค้าโตขึ้น จะเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจเค้ามาก และอาจนำพา มาสู่พฤติกรรมที่ผิดปกติได้

เค้าจะชอบที่จะทำงานมีส่วนร่วมกับเจ้าของ และเข้ากันได้ดีกับสัตว์ชนิดอื่น Minature และ Toy Poodle จะเข้ากันกับคนแปลกหน้า
และเด็กได้ดีกว่า Standard Poodle แต่อย่างไรก็ตาม ลักษณะของการกัดคนแปลกหน้ามักพบใน Minature และ Toy ได้มากกว่า



3. german shepherd
เยอรมัน เชพเพิร์ด หรือ ดอยต์เชอ เชฟเฟอร์ฮุนด์ หรืออีกชื่อที่นิยมเรียกกัน คือ อัลเซเซียน นั่นเอง สุนัขพันธุ์นี้ถือว่าเป็นสุนัขที่คน
นิยมเลี้ยงกันมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะมีความฉลาด สอนง่าย และกระตือรือร้นตลอดเวลา แต่เดิมคนใช้สุนัขพันธุ์นี้ไว้ต้อนแกะ
แต่ปัจจุบันได้นำมาพัฒนาเพื่อใช้งานหลายด้าน เนื่องจากฉลาดในการรับรู้สิ่งต่างๆ เป็นสุนัขที่มีมีถิ่นกำเนิดในอยู่ในประเทศเยอรมัน
เกิดขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1800

ลักษณะประจำพันธุ์ สุนัขพันธุ์นี้มีลำตัวค่อนข้างยาว มีช่วงปากที่ยาวเกินครึ่งของความยาวใบหน้า ลักษณะหูตั้ง ปลายหูเรียวเล็ก
บริเวณใบหน้า ลงมาถึงจมูก จะมีสีขนที่เข้ม ขาหลังมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ลักษณะหางจะตกและมีขนหนา



4. golden retrieverโกลเดน รีทรีฟเวอร์ ,รีทรีฟเวอร์ขนสีเหลือง หรือ รัสเซียน รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ตื่นตัว และตอบสนองคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว แต่เดิม
ใช้งานเพื่อหานกที่ถูกยิงตกนำมาให้เจ้าของ เนื่องจากมีสีขนสวยงามจึงทำให้ได้รับความนิยมมาก สุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศ
อังกฤษ ว่ากันว่าพัฒนามาจากสุนัขในคณะละครสัตว์ของชาวรัสเซีย กำเนิดราว ค.ศ. 1800 แต่เดิมมีชื่อว่า สุนัขพันธุ์ขนเรียบทอง
จนในปี ค.ศ. 1900 ได้ถูกตั้งชื่อให้ว่า โกลเดนรีทรีฟเวอร์

ลักษณะประจำพันธุ์ สุนัขพันธุ์นี้จะมีลักษณะหัวกว้างและมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูค่อนข้างใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม ปรกลงมา
ด้านข้าง มีขน2แบบคือ เรียบกับเป็นลอน ขาหน้าตรงแข็งแรง เท้ากลมคล้ายเท้าแมว ลักษณะหางชี้ตรงระดับเดียวกับหลัง ขนบริเวณ
หางจะยาวและหนา



5. doberman pinscher
นี่คือสายพันธุ์ที่มีจุดกำเนิดเมื่อไม่นานมานี้ เขาถูกพัฒนาใน ค.ศ.1860 พอสันนิษฐานได้ว่าเป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่า German
Pinschers กับ Rottweilers, Beauceron Pinschers} Greyhounds และ English Greyhound เพื่อสร้าง Doberman Pinscher
ที่ผอมและมีสติปัญญาสูง ผู้ให้กำเนิดของการผสมข้ามพันธุ์คือคนเก็บภาษีชาวเยอรมันชื่อ Louis Doberman ซึ่งได้เดินทางผ่านพื้น
ที่ที่มีโจรรังควาญบ่อยๆเลยตัดสินใจที่จะสร้างสุนัขเฝ้าบ้านและสุนัขอารักขาซึ่งสามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ซึ่งอาจเกิดขึ้น มีการ
อ้างอิงชื่อผู้ให้กำเนิดของเขา Doberman ได้รับการนำเสนอครั้งแรกที่สนามโชว์สุนัขใน ค.ศ.1876 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทันที



6. shetland sheepdog
อาจจะสืบเชื้อสายมากจาก Rough Collies ซึ่งถูกนำไปที่เกาะ Scottish Island ของ Shetland และผสมข้ามสายพันธุ์กับ Icelandie
Yakkin สุนัขเกาะตัวเล็ก (ปัจจุบันไม่ได้รับการยอมรับต่อไป) โดยนำไปบนเรือของชาวประมง ใน ค.ศ.1700 สายพันธุ์ได้รับการพัฒนา
จนสมบูรณ์ เป็นเวลาร่วมศตวรรษที่สุนัขเล็กเหล่านี้ถูกให้ต้อนแกะและอารักขาฝูงแกะของ Shetland เกาะที่มีพายุแยกออกไปจาก
ชายฝั่งทะเลที่ซึ่งสัตว์จำนวนมากมายค่อนข้างเล็กน้อยด้านความสูง ความประณีตของการผสมได้มักเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ในศตวรรษที่
20 ภายหลัง Shetland ถูกส่งออกไป Scotland ซึ่งเป็นแผ่นดินใหญ่ของประเทศอังกฤษและประเทศไกลโพ้น Sheltie ตัวเล็กเหล่านี้
เป็นสุนัขอ่อนโยนมากเมื่อต้อนปศุสัตว์ตัวเล็ก เป็นหนึ่งของสายพันธุ์ที่แข่งขันการเชื่อฟังได้ยอดเยี่ยม Sheltie เป็นสุนัขทำงานที่สง่างาม
และตั้งใจ พวกเขาได้รับการยอมรับครั้งแรกในประเทศอังกฤษใน ค.ศ.1909 และจดทะเบียนครั้งแรกในอเมริกาใน ค.ศ.1911 เพราะ
นิสัยที่ใจดี ทุกวันนี้กลายเป็นหนึ่งของสุนัขที่เป็นเพื่อนซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด ความสามารถพิเศษของ Sheltie ได้แก่ การตามรอย
ต้อนสัตว์ เฝ้าบ้าน อารักขา ฉลาดเฉลียว แข่งขันการเชื่อฟังและเล่นกล




7. Labrador Retriever
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ นิสัยเป็นมิตร ฉลาด และตอบสนองคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว เป็นสุนัขที่มีหางต่างจาก สุนัขพันธุ์รีทรีฟเวอร์ทั่วไป
คือ มีโคนหางใหญ่หนาและเรียวไล่ลงจนถึงปลายหางโดยไม่มีพู่หาง แต่เดิมใช้เพื่อช่วยงานชาวประมงลากอวนเข้าฝั่ง ต่อมาได้ถูก
พัฒนาความสามารถให้เป็นสุนัขนำทางคนตาบอด และตรวจค้นยาเสพติด,วัตถุระเบิด สุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในนิวฟาวนด์แลนด์
ประเทศแคนาดา กำเนิดในราว ค.ศ. 1800

สุนัขพันธุ์นี้จะรูปร่างเหมือนกับสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สีขนจะเป็นสีเดียวกับทั่วทั้งลำตัว มีทั้งสีดำ ขาว น้ำตาลอ่อน และน้ำตาล
เข้ม ลักษณะขนสั้นเป็นสองชั้น ส่วนหัวกว้าง ขอบบนของเบ้าตาเป็นสันนูนขึ้นเล็กน้อย มีช่วงไหล่ที่กว้าง


8. papillon
คำว่า PAPILLON อ่านว่า ปา-ปิ-ยอง เป็นคำ ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึงผีเสื้อ สุนัขพันธุ์นี้ เป็นสุนัข SPANIEL ที่มีขนาดเล็กกว่า
SPANIEL ขนาดธรรมดามาก นิยมเลี้ยง กันอย่างแพร่หลาย ในคริสตศตวรรษที่ 16 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่สตรีผู้สูงศักดิ์ เช่น
MADAME POMPADOUR และ MARIE ANTOINETTE ในสมัยนั้น มีการค้าขายสุนัขพันธุ์ นี้กันอย่างกว้างขวางโดยมี SPAIN
เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุด ส่วนหูของ PAPILLON มีลักษณะ คล้ายผีเสื้อ

ลักษณะนิสัย เป็นสายพันธุ์ที่ฉลาดอย่างน่าทึ่ง แข็งแรง กล้าหาญกว่าที่คิด รักเจ้าของ และพร้อมจะปกป้องเจ้าของ จากผู้บุกรุก
ชนิดยอมตายถวายชีวิตเลย ขี้เล่นและกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งรอบข้าง เป็นมิตร สง่างาม ลักษณะการเดินหรือท่าทางน่ารัก



9. rottweiler
สุนัขพันธุ์นี้ไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัดว่ามีถิ่น กำเนิดอยู่ที่ใดเป็นสุนัขที่มีประวัติเก่าแก่ พันธุ์หนึ่งในสมัยโรมัน เมื่อชาวโรมันยกทัพไป
รุกรานชาติอื่น มักจะเดินทางรอนแรมนับเดือน และจะต้องเตรียมสเบียงอาหารไปด้วย โดยการพาฝูงสัตว์ติดไปด้วย ในสมัยนั้น ชาว
โรมันนิยมใช้สุนัขพันธุ์ ROTTWEILER ช่วยต้อนฝูงสัตว์ และเป็นสุนัขเฝ้ายามใน เวลากลางคืน ชื่อ ROTTWEILER ได้มาจากชื่อ
เมือง ROTTWELL ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าสัตว์ในสมัยศตวรรษที่ 12 ปัจจุบันนิยม นำสุนัขพันธุ์นี้มาใช้ในกิจกรรมของกรมตำรวจ
ทหาร ตลอดจนเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านด้วย.


10.australian cattle
ออสเตรเลียน แคทเทิล ด็อก หรือ ออสเตรเลียน ควีนแลนด์ เป็นสุนัขที่ได้ชื่อว่า อายุยืนที่สุดในโลก ( มากที่สุด 29 ปี ) และเป็นสุนัข
ที่มีความกล้าหาญ มุ่งมั่น แต่เดิมใช้ต้อนฝูงโค สามารถคุมฝูงโคได้ดี โดยไม่ต้องส่งเสียงเห่าหรือวิ่งพล่านรอบตัวโค

เป็นสุนัขที่มีสายพันธุ์เกี่ยวเนื่องกับ สุนัขดิงโก มีถิ่นกำเนิดในอยู่ในประเทศออสเตรเลีย เกิดขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1800

ลักษณะประจำพันธุ์สุนัขพันธุ์นี้ จะมีใบหูใหญ่ทรงสามเหลี่ยมตั้งขึ้น ช่วงลำคอหนา ตลอดทั้งลำตัว โดยเฉพาะส่วนหัว จะมีขนสีขาว ๆ
ขึ้นแซมประปราย หางยาวไม่ถึงข้อขา ลักษณะหางจะตกโค้งเล็กน้อย

การพัฒนาระบบสารสนเทศ

ระบบสารสนเทศ (Information System ) หมายถึง ระบบที่มีการนำคอมพิวเตอร์
มาช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ หรือจัดการกับข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ข้อมุลนั้นกลายเป็น
สารสนเทศที่ดี สามารถนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว
และถูกต้อง

ระบบสารสนเทศประกอบด้วยองค์ประกอบดังนี้
1. Hardware หมายถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในการจัดกระทำกับข้อมูล
ทั้งที่เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องคิดเลข
2. Software หมายถึง ชุดคำสั่ง หรือเรียกให้เข้าง่ายว่า โปรแกรม ที่สามารถ
สั่งการให้คอมพิวเตอร์ทำงานในลักษณะที่ต้องการภายใต้ขอบเขตความสามารถที่เครื่อง
คอมพิวเตอร์ หรือโปรแกรมนั้น ๆ สามารถทำได้ ซอร์ฟแวร์แบ่งออกเป็น ซอร์ฟแวร์ระบบ
และ ซอร์ฟแวร์ประยุกต์
3 User หมายถึง กลุ่มผุ้คนที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศ
4. Data หมายถึง ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่อาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
ตัวหนังสือ แสง สี เสียง สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ภาพ วัตถุ หรือ หลาย ๆ อย่างผสมผสาน
กัน ซึ่งข้อมูลที่ดีจะต้องตรงกับความต้องการของผู้ใช้
5. Procedure หมายถึง ขั้นตอน กระบวนการต่าง ๆ ในการปฏิบัติงาน
ในระบบสารสนเทศ

เมื่อทั้่ง 5 ส่วนดังกล่าวข้างต้น ทำงานประสานกัน ส่งผลให้ข้อมูลเกิดการ
ประมวลผลและนำไปใช้ประโยชน์ นั่นก็คือ สารสนเทศนั่นเอง
ซึ่งสารเสนทศนี้จะเป็นสารสนเทศที่ดี จะต้องเป็นสารสนเทศที่มีความถูกต้อง
ตรงกับความต้องการของผู้ใช้และทันเวลาในการใช้งาน
กล่าวโดยสรุปก็คือ กระบวนการสารสนเทศเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิด
สารเสนเทศขึ้นมานั่นเอง ซึ่งจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 5 ส่วน นั่นคือ
Hardware Software User Procedure และ Data
มีงานหลายงานทางธุรกิจที่ต้องการให้เกิดการทำงานที่เป็นอัตโนมัติ
ระบบสารสนเทศจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากขึ้น ระบบสารสนเทศที่นำมา
ใช้เพื่อช่วยในการทำงานนั้นมีหลายระบบ บางระบบอาจออกแบบมาเพื่อช่วย
ให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้รวดเร็ว บางระบบอาจถูกออกแบบมาเพื่อช่วย
ในวิเคราะห์และตัดสินใจ ระบบสารสนเทศเหล่านี้สามารถทำงานได้เสร็จ
ภายในระับบย่อยเพียงระบบเดียว หรือสามารถทำงานร่วมกันในหลาย ๆ ระบบ
สำหรับองค์กรที่มีขนาดใหญ่
ระบบสารสนเทศสามารถแยกตามหน้าที่ที่แตกต่างกันได้ดังนี้
1. ระบบสำนักงานอัตโนมัติ (Office Automatic System หรือ OAS )

2. ระบบประมวลผลรายการประจำวัน
(Transaction Processing System หรือ TPS)

3. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
(Management Information System หรือ MIS )

4. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
(Decision Support System หรือ DSS)

5. ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง
(Executive Informaion Systyem หรือ EIS )

6. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Excpert System หรือ ES )
การที่ระบบสารสนเทศจะสามารถทำงานได้ตรงตามความต้องการ รวดเร็ว และถูกต้อง
ได้นั้นจำเป็นต้องมีการสร้างระบบสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้กระบวนการพัฒนา
ระบบที่เรียกว่า ขั้นตอนการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ (Systems Delopment Life Cycle หรือ
SDLC ) ดังนี้
1. วิเคราะห์และกำหนดความต้องการของระบบงาน
(System Analysis and Specification )
2. ออกแบบขั้ื้นตอนการแก้ไขปัญหา (System Design )
3. เขียนชุดคำสั่ง (Program Coding )
4. ทดสอบการทำงานของระบบงาน (System or Program Testing)
5. ใช้งานและบำรุงรักษาระบบ (System Implementaion and Maintenance )
6. จัดทำเอกสารประกอบระบบ (Documentation)

ประวัติสะพานพุทธ


“สะพานพุทธ” กับช่วงเวลาสุนทรีย์ของวัยมันส์

“สะพานพุทธ” ถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งยามค่ำคืน อันดับต้นๆ ของคนกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้ เพราะสถานที่แห่งนี้ถือได้ว่า เป็นแหล่งช้อปปิ้งยามค่ำคืนแห่งแรกๆ ของเมืองกรุงเทพฯ ผมจำไม่ได้แล้วว่า กรุงเทพมหานครมีตลอดแห่งนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เท่าที่จำได้สถานที่แห่งนี้ มีมาตั้งแต่สมัยตอนผมเรียนมัธยมแล้ว แต่สมัยนั้นสะพานพุทธไม่ใช่ตลาดช้อปปิ้ง แต่เป็นสถานที่ที่ชุมนุมของนักเรียนหลายสถาบัน ไม่ว่าจะเป็น สวนกุหลาบวิทยาลัย หรือ วิทยาลัยเพาะช่าง สำหรับสองโรงเรียนนี้จะมีเยอะเป็นพิเศษ แต่ก็มีสถาบันอื่นอีกด้วย เนื่องจากตอนนี้ที่แห่งนี้ เป็นที่นั่งพัก กินลมชมวิว หรือชิวๆ กันได้ตามประสาวัยรุ่นนั่นเอง

แต่ในช่วงหนึ่ง ทางรัฐบาลได้สั่งย้าย ตลาดคลองหลอดมาไว้ที่นี่ ก็เลยทำให้ที่นี่กลายเป็นตลาดนัดย่อม ที่อาจจะมีนักเรียน นักศึกษา ไปขายงานศิลปะกันอยู่บ้างในช่วงแรกๆ แต่พอนานเข้า จากเล็กกลายเป็นใหญ่ จากคนไม่รู้จักก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากถ้าเทียบสมัยก่อนกับตอนนี้ ถ้าจะหาแหล่งเดินเล่น ช้อปปิ้ง ยามค่ำคืนมันก็ยากอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่ในปัจจุบันที่มีตลาดเปิดท้ายตามห้างเป็นว่าเล่นแบบนี้ และ “สะพานพุทธ” ก็เลยกลายมาเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาจนถึงปัจจุบัน



แต่อย่างที่รู้ๆ กันดีว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครเปลี่ยนไปเยอะจากสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นสภาพสิ่งแวดล้อมหรือแม้แต่ลักษณะของผู้คน ถ้าจะพูดถึงสิ่งแวดล้อมที่ “สะพานพุทธ” สถานที่แห่งนี้ก็ยังเป็นสะพานที่คนนิยมมาเดินเล่น และดื่มด่ำบรรยากาศริมน้ำอยู่เหมือนเดิม ต้นไม้ใบหญ้าก็ยังปกคลุมหนาบ้าง ซึ่งถือได้ว่ายังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากแต่สภาพของผู้คนที่นี่เปลี่ยนไปเยอะเลยครับ จากที่แต่ก่อนที่ผมบอกว่าเป็นแค่ที่นั่งกินลมชิมวิวของนักศึกษา ตอนนี้นักเรียน นักศึกษาก็ยังมาเหมือนเดิม แต่พฤติกรรมแย่กว่าเดิม เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ นอกจากจะมีวัตถุประสงค์ในการมาเดินช้อปปิ้งแล้ว พวกเค้ายังมาเพื่อเกาะกลุ่มมั่วสุมกันบ้าง เชื่อมั้ยว่าล่าสุดที่ผมไปมา เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น ผมเห็นเด็กสาว เด็กหนุ่ม อายุราวๆ 13-15 ปี แต่งตัวแปลกๆ เดินอยู่บริเวณนั้นมากมายจนน่าตกใจ ทั้งบนสะพานพุทธ และ ในตลาดช้อปปิ้ง บางคนก็ดื่มสุรา บางคนก็สูบบุหรี่บ้าง เห็นแล้วผมบอกได้เลยคำเดียวว่า สลดใจมากๆ ภาพของสะพานพุทธสมัยก่อนมันย้อนกลับมาในสมองของผม แล้วก็บอกตัวเองว่า มันไม่มีอีกแล้วครับ



จากภาพในด้านที่ผมได้กล่าวไปแล้วนั้น ที่นี่ก็ยังมีความน่าประทับใจ เช่นกัน สถานที่แห่งนี้ถือเป็นแหล่งค้าขาย หรือช้อปปิ้งยอดนิยม สินค้าของที่นี่ก็นำสมัยเหมือนที่ช้อปปิ้งทั่วไป แต่อาจจะมีเอกลักษณ์ส่วนตัวที่เห็นแล้วต้องร้องออกมา เลยว่า ต้องที่สะพานพุทธเท่านั้น อย่างการวาดภาพศิลปะ ที่นี่เค้ามีศิลปิน วาดภาพมารับจ้างวาดอยู่เป็นประจำ อยากได้ภาพแนวไหนบอกเค้า ก็สามารถเนรมิตให้คุณได้ ทุกครั้งที่ผมไปผมก็จะไปนั่งดูเค้าวาดรูปแต่ละรูป มันต้องใช้เวลานะ กว่าจะได้แต่ละรูปมา อย่างน้อยมันก็ทำให้ได้รู้ว่า ถ้ามาสะพานพุทธเราก็ต้องมาวาดรูป


การเดินทาง

เวลาที่จะมา”สะพานพุทธ” ถ้าเอารถมา แนะนำให้มาในช่วงก่อนค่ำ ที่นี่จะไม่ค่อยมีรถหนาแน่เท่าไหร่ จะมีที่รับฝากรถอยู่ตามทาง ให้สังเกตดูเอา แต่ถ้ามาดึกล่ะก็ ให้หาที่จอดได้ตามริมฟุตบาท ต้องดุด้วยนะว่า ที่ไหนเค้ามีให้จอดบ้าง เพราะบางที่ถ้าจอดไว้กลับมาอาจจะเจอใบสั่งแดงเถือกอยุ่หน้ากระจกรถก็เป็นได้ เรื่องนี้ต้องใช้วิจารณญาณ บอกได้คำเดียวว่าเสี่ยงเอ แต่ถ้าให้สะดวกจริงๆ แนะนำรถเมล์ครับ สะดวกมาก มาถึงลงเลย เดินเสร็จเมื่อยก็นั่งแท็กซี่กลับ สบายใจกว่าเยอะเลย ไม่เปลืองน้ำมันด้วย ช่วงนี้ยิ่งเศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีอยู่ สายรถเมล์ที่ผ่านได้แก่ สาย 73, 3, 5, 6, 8, 10, 43, 53,

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี


ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก

1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง

2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว

4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ

6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล

7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%

8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย

9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด

10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้

ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!