02 ตุลาคม 2553

คนโง่ คนฉลาด คนเจ้าปัญญา (อยู่ที่คุณจะเลือก)

ว่าด้วยการทำงาน
คนโง่ ทำงานเพื่อเงิน จึงได้เงินมาอย่างยากเย็น และมักไม่ได้คุณค่าอื่น ๆ ของงาน
คนฉลาด ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่ และได้เงินตามมาโดยง่าย
คนเจ้าปัญญา ทำงานเพื่อหยิบยื่นคุณค่าแก่สังคม เขาจึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม เงิน ชื่อเสียงและมิตรมหาศาลย่อมตามมาเสมอ


ว่าด้วยผู้พูด
คนโง่ ชอบให้อารมณ์พูด จึงผิดพลาดมาก ล้มเหลวบ่อย
คนฉลาด ชอบใช้เหตุผลพูด จึงถูกต้องมากแต่มักไร้ความรู้สึก และประสบแต่ความสำเร็จอันแห้งแล้ง
คนเจ้าปัญญา ชอบใช้ธรรมะพูด จึงบริสุทธิ์เหนือถูกเหนือผิด และเป็นหนึ่งเดียวกับความสำเร็จโดยธรรม


ว่าด้วยการพูดจา
คนโง่ ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะและความบาดหมางแทนความรู้
คนฉลาด ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้และมิตรภาพมากกว่าความแตกแยก
คนเจ้าปัญญา ชอบเฉยสังเกตลึก เข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง แล้วจึงนำเสนออย่างเหมาะสม


ว่าด้วยความโง่และความฉลาด
คนโง่ ชอบคิดว่าตนฉลาดแล้ว จึงดักดานอยู่กับความโง่ของของตนตามที่เป็น
คนฉลาด ชอบคิดว่าตนโง่ จึงชอบแกล้งโง่ และมักโง่ได้สมปรารถนาในที่สุด
คนเจ้าปัญญา ย่อมเห็นความโง่และความฉลาดที่ซ้อนกันอยู่ และรู้วิธีที่จะยกจิตสู่ปัญญายิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงค่อย ๆ หายโง่ และเลิกฉลาดโดยลำดับ


ว่าด้วยความคิด
คนโง่ ทำก่อนแล้วถึงคิด จึงผิดพลาดอยู่เนือง ๆ ต้องเปลืองเวลาและความรู้สึกตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด
คนฉลาด คิดมากก่อนแล้วถึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ แม้ประสงค์จะทำดีมากแต่ทำได้น้อง เพราะเขม่าความคิดปิดกั้นความหาญกล้า
คนเจ้าปัญญา คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำ ประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม ลดความหลอนป้องกันความผิดพลาดขื่นขมและประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย


ว่าด้วยการรู้จักแจ้งตนเอง
คนโง่ อยู่กับตนก็ไม่รู้จักตน จึงกลัวตนไปต่าง ๆ นานา
คนฉลาด อยู่กับตนและรู้จักตนดี แต่ไม่รู้สิ่งที่ดีกว่าตน
คนเจ้าปัญญา ย่อมรู้จักตนดีที่สุดจนทะลุความไม่มีตน จึงบริหารตนได้เสมือนสร้างสรรค์ฟองสบู่ ใช้ประโยชน์จนสุดกู่แล้วก็สลายมลายวับไป


ว่าด้วยการอวดตน
คนโง่ ชอบอวดตัว เขาจึงได้รับความหมั่นไส้ การต่อต้าน และ ความเจ็บปวดเป็นรางวัล
คนฉลาด ชอบถ่อมตัว เขาจึงได้รับความเห็นใจ การดูหมิ่น และการช่วยเหลือเป็นรางวัล
คนเจ้าปัญญา ย่อมมั่นใจตนแต่ไม่นิยมแสดงตัว ไม่ยกตน และ ไม่ถ่อมตัว แต่บริหารสัมพันธภาพเพียงเพื่อผลวางตน และ สำแดงบทบาทตามหน้าที่ เขาจึงได้รับความเคารพ และ ความเชื่อถือเป็นรางวัล


ว่าด้วยความเก่งกาจ
คนโง่ มัวอวดเก่ง จึงไม่มีใครเติมความเก่งให้กับเขาอีก
คนฉลาด ชอบเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเก่งให้ยิ่งขึ้น และเอาความเก่งมาใช้โดยไม่อวด จึงได้ผลงานดี แต่อาจไม่ทุกเรื่อง และอาจไม่ยั่งยืน
คนเจ้าปัญญา หาความเก่งไม่เจอ แต่ทำอะไรก็ยอดเยี่ยมเสมอ เพราะมองเห็นทุกอย่างในตนและนอกตนเป็นธรรมดา ทุกคุณสมบัติจึงเป็นปกติ และ ยั่งยืนสำหรับเขา


ว่าด้วยความรักสัมพันธ์
คนโง่ ชอบขอความรักและความเห็นใจ แต่มักได้รับความสมเพชตอบแทนเป็นประจำ
คนฉลาด ชอบให้ความรักความเข้าใจ และมักได้รับความหวังพึ่งพิงตอบเนื่องๆ
คนเจ้าปัญญา ชอบให้ปัญญา ที่จะให้ทุกคนรักและเข้าใจตนเอง จึงได้รับความนับถือและความมีบุญคุณตอบแทนเสมอ


ว่าด้วยการสนองตอบผู้มีพระคุณ
คนโง่ เนรคุณผู้มีบุญคุณ จึงไม่มีใครอยากทำดีกับเขาอีก
คนฉลาด กตัญญูผู้มีบุญคุณ จึงมีคนอยากทำดีกับเขามากมาย ซึ่งต้องตามชดใช้บุญคุณกันไม่รุ้จบ
คนเจ้าปัญญา ยกระดับผู้มีบุญคุณให้สูงส่งขึ้น จึงทดแทนบุญคุณกันได้หมด และผู้มีพระคุณกลายเป็นหนี้บุญคุณ และพร้อมที่จะให้พระคุณที่ยิ่งกว่า เกิดวงจรการให้ และการรับที่พัฒนาต่อเนื่อง ทุกฝ่ายจึงได้ประโยชน์อย่างยิ่ง

47 วิธีทำตัวให้เป็นคนน่าคบหา

1. อย่าบ่นนะจ๊ะ
2. อย่าขี้งกล่ะ
3. พูดเพราะๆ น้ำเสียงนุ่มนวล
4. รู้จักชมคนอื่นเค้าบ้าง
5. อย่าตำหนิคนอื่นล่ะ
6. อย่าพูดเดาใจหรือทายใจคนอื่นให้มากนักนะ
7. ไม่วิจารณ์หรือตัดสินคนอื่นอย่างผิวเผิน
8. รู้จักพูดคล้อยตามคนอื่นบ้างก็จะดีนะ
9. พูดยกย่องบุพการีของเค้ามั้งก็ดีนะ
10. อย่าแช่งตัวเองว่าซวยให้คนอื่นได้ยินล่ะ
11. หัดเป็นผู้ฟังที่ดี
12. ไม่โต้แย้ง เรื่องความเชื่อของใคร
13. ไม่พูดแทรกคนอื่น
14. วางตัวเป็นกลาง ไม่เอียงซ้ายขวา
15. อย่าโมโหง่ายเลยนะ ไม่ดี
16. อย่านินทาลับหลังล่ะ
17. ให้ความสำคัญกับผู้ที่คุยอยู่กับเรา
18. อย่าตำหนิหรือดูถูกใครต่อหน้าคนอื่น
19. อย่าสาบานบ่อยๆล่ะ ถ้าทำไม่ได้จะอายเค้า
20. อย่าลืมพูดเพราะๆก่อนจะจากกัน
21. รักษาคำสัญญาเสมอๆ
22. ไม่พูดถึงเรื่องที่ไม่ดี
23. ไม่พูดประชดใคร
24. อย่างอนง่าย อย่าแซวคนอื่นจนติดเป็นนิสัย
25. ไม่แสดงกิริยาท่าทางจนออกนอกหน้า
26. มีมารยาทในการคุย
27. อย่าพูดคำหยาบล่ะ
28. ทักคนที่เรารู้จักกันทุกครั้งที่เจอกัน
29. รู้จักกล่าวคำว่า "ขอบคุณ" "ขอโทษ"
30. รู้จักปลอบคนอื่นในยามที่เค้าเสียใจ
31. อย่าล้อปมด้อยคนอื่น
32. ไม่โอ้อวดตัวเอง
33. ไม่พยายามเปลี่ยนแปลงจิตใจใคร เพราะเค้าไม่ชอบหรอก
34. อย่าประเมินค่าตัวเองสูงไป
35. รู้จักใจเขาใจเราเสมอๆ
36. อดทนต่อนิสัยแปลกๆของคนอื่นให้ได้
37. อย่ามองหาศัตรู ไม่งั้นคุณจะได้ศัตรู
38. มีอารมณ์ขัน แต่ถ้าขันมากนักก็ไม่ดีนะ
39. อย่าแสดงความกลัวให้คนอื่นเห็น
40. ให้โอกาสคนอื่นเสมอๆ
41. ไม่แสดงกิริยาที่ไม่ดี
42. ไม่ดูถูกคนอื่น
43. ชื่นชมธรรมชาติ ไม่ทำลายธรรมชาติ
44. อย่าเมินเฉยกับคนรัก หรือคนสนิทเด็ดขาด
45. เป็นคนตรงต่อเวลา
46. อย่าทำอะไรแบบรีบเร่ง
47. รู้จักคิด ก่อนที่จะทำ

01 ตุลาคม 2553

6 เทคนิคการดูแลผิวหน้าด้วยผลไม้

1.สูตรหน้าใสด้วยน้ำผึ้งผสมมะนาว

ส่วนผสม: น้ำผึ้ง 1 ถ้วย

น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

วิธีทำ: ผสมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวให้เข้ากัน นำมานวดให้ทั่วใบหน้าประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด

■มะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเช่นเดียวกับครีมที่ผสมกรด AHA ส่วนน้ำผึ้งจะทำให้ผิวหน้านุ่มและชุ่มชื้น


2. สูตรหน้าใสด้วยแอปเปิ้ล

ส่วนผสม: แอปเปิ้ล ปอกเปลือกแล้วคว้านเอาเฉพาะเนื้อ

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: นำเนื้อแอปเปิ้ลมาปั่นรวมกับน้ำผึ้ง ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วนวดเบาๆ ทิ้งไว้ 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น

■สูตรนี้จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ใบหน้าดูสดใสเปล่งปลั่ง อีกด้วย


3. สูตรกระชับรูขุมขน

ส่วนผสม: กล้วยหอม แตงกวาหรือมะเขือเทศ เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งปอกเปลือก เอาเมล็ดออกให้หมดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

น้ำผึ้งหรือนมเปรี้ยว

วิธีทำ: ใช้กล้วยหอม แตงกวาหรือมะเขือเทศก็ได้ เติมน้ำผึ้งหรือนมเปรี้ยว นำไปปั่นให้ละเอียดจนเป็นเนื้อครีม นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น

■สูตรนี้จะ ช่วยทำความสะอาดใบหน้า และกระชับรูขุมขนและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

4. สูตรครีมทำความสะอาดผิวหน้า (Cleanser)

ส่วนผสม: โยเกิร์ต ½ ถ้วย

น้ำมันดอกทานตะวัน

มะนาวสด1½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: ผสมโยเกิร์ต น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมะนาวสดให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วหน้าประมาณ 5 นาที ทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออก ด้วยน้ำสะอาด

■สูตรนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอีกด้วย

5. สูตรสาวผิวแห้ง มอยเจอร์ไรเซอร์จากกล้วย

ส่วนผสม: กล้วย 1 ผล

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: บดกล้วยกับน้ำผึ้ง ผสมให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น

■สูตรนี้เหมาะกับผิวแห้ง

6. สูตรพอกหน้าใสจากแตงกวา

ส่วนผสม: แตงกวา 1 ผล หั่นแตงกวาเป็น ชิ้นบางๆ

ไข่ไก่ 1 ฟอง(ใช้เฉพาะไข่ขาว)

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: นำแตงกวา ไข่ไก่(ใช้เฉพาะไข่ขาว)และมะนาว ไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยกระชับรูขุมขน ผิวหน้าจะ ดูเนียนเรียบและชุ่มชื้น


http://lady.one.in.th/6-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7/