29 กันยายน 2553

10 พฤติกรรมที่ไม่ควรทำกับเพื่อน

สังเกตตัวเองสักนิด ว่าทำแบบนี้กับเพื่อนรึเปล่า

1.ขัดขา : แกล้งขัดขาเพื่อนจนหกล้ม คะมำกลางห้องนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แบบสุดๆ

2.เปิดกระโปรงต่อหน้าคนอื่น : การแกล้งเปิดกระโปรงเพื่อนต่อหน้าคนอื่น ทำให้เพื่อนเสียหน้า แถมอายอีกต่างหาก

3.ล้อชื่อพ่อ ชื่อแม่ : ถ้าเอาชื่อพ่อชื่อแม่มาล้อจนเป็นเรื่องปกติ แบบนี้เพื่อนต้องไม่ชอบใจแน่ๆ เพราะมันแสดงให้เห็นว่า เธอไม่เคารพพ่อแม่ของเค้าเลย

4.ล้อชื่อคนที่เพื่อนแอบชอบ : บางที่การที่ใจหวั่นไหวไปแอบชอบใครสักคน เค้าก้ออยากให้เป็นความลับ

5.เอาเบอร์โทรเพื่อนให้ผู้ชายคนอื่น : การเอาเบอร์โทร.เพื่อนไปให้ผู้ชายคนอื่น ทำให้เพื่อนต้องหงุดหงิด จากการที่ได้รับโทรศัพท์จากใครก้อไม่รู้

6.เอาสัตว์หรือสิ่งที่เพื่อนเกียจมาโยนใส่ : ถ้ารู้ว่าเพื่อนกลัวอะไร แต่ยังเอาสัตว์ชนิดนั้นมาโยนใส่ ขอบอกว่าเธอใจร้ายมาก

7.นินทา : คนที่ชอบนินทา ใส่ร้ายป้ายสีเพื่อนให้คนอื่นเกลียด เพราะเธอแสดงความอ่อนแอ ในใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด แถมยังขี้อิจฉาอีกด้วย

8.ล้อปมด้อย : แบบนี้เค้าเรียกเพื่อนไม่แท้ เพราะเอาแต่เรื่องไม่ดีโยนใส่เพื่อน

9.มองด้วยหางตา : คนที่ชอบมองเพื่อนด้วยสายตากึ่งๆดูถูก เป็นคนที่แย่มากๆเลย เพราะในความจริง คนที่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เค้าต้องรักและให้เกียรติกัน

10.พูดจาให้เพื่อนเสียหน้า : มีบางคนที่ชอบพูดจา หรือทำให้เพื่อน เสียหน้ากลางสาธารณชน คนที่ทำแบบนี้ได้ ขอบอกเลยว่าเธอจิตใจแย่เต็มที แก้ไขด้วยนะ

http://sakid.com/2008/01/18/7810/

บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตมีค่าและมีความสุข


บันไดขั้นที่ 1 มองตัวเองว่าดีและมีค่าทุกวัน

ในแต่ละวันให้นึกถึงความดี และความโชคดีของตนเอง เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตอนเช้า ให้ยิ้มกับตัวเอง และนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ให้นึกถึงความดีของตนเองที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่สามารถนึกได้ง่าย ๆ) เช่น เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ คิดว่าตัวเองดี และมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดี ๆ และให้นึกซ้ำ ๆ จะได้เกิดความเชื่อตามที่นึกนั้น คุณก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจ และเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วย คุณจะเกิดความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดี ๆ ให้กับชีวิตต่อไป และต้องอวยพรตัวเองเสมอ ๆ อย่าแช่ง หรือตำหนิตัวเอง และอย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมคุณ ซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจ หรือได้มาก็ไม่สมใจ

บันไดขั้นที่ 2 มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี

ขั้นนี้คุณจะต้องมองว่าทุก ๆ คน มีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขา ซึ่งไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกันเลย ส่วนความไม่ดี หรือไม่เก่งของเขา (ซึ่งมีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขาเท่านั้น ถ้าคุณทำได้เช่นนี้ คุณก็จะเป็นคนที่มองอนาคน และชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา สองสิ่งนี้ ถ้าคุณทำเป็นนิสัย คุณจะพบว่า โลกนี้มีสิ่งที่ดี ๆ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่าง ๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต


บันไดขั้นที่ 3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

คือการอยู่กับปัจจุบัน ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะสมใจ หรือไม่สมใจก็ตาม จงชื่นชมในความตั้งใจทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่า ในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น คุณต้องเลิกจดจำ หรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับคุณในอดีต เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต เท่ากับคุณไปสะกิดแผลในใจ และจะทำให้คุณเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันคุณไม่มีความสุข และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำ ๆ อีก

บันไดขั้นที่ 4 มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ

ความหวัง ความเชื่อ เกิดจากความคิดถึงบ่อย ๆ หรือได้ยินบ่อย ๆ จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อย ๆ จะส่งผลให้เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่กลัว มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก แต่จะมีความหวังที่ดี ๆ (Good Hope) อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวัง (Expectation) กับชีวิต เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัว หรือกังวลว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้

บันได้ขั้นที่ 5 ปรับปรุงตัวเองเสมอ

โดยปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิตคือ

1. การงาน ให้มีความขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว และกล้าลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ควรทำ จะทำให้มีการลงมือทำสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิตได้เรื่อย ๆ และปรากฏเป็นผลงานที่ชัดเจน

2. ครอบครัว จะต้องยึดหลักที่เป็นมงคลต่อกันคือ ไม่อิจฉา ไม่ระแวง ไม่แข่งขัน ไม่นอกใจ รู้จักการให้และการอภัย มีน้ำใจ และรู้จักเกรงใจกัน

3. สังคม หมั่นสร้างมิตรเสมอ มีการให้ความสำคัญกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และพูดจากันแบบปิยะวาจา

4. ตนเอง ต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ และมีกำลังใจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น

มิตรภาพ ระหว่างเพื่อน

10 ข้อดีของเพื่อน
1. เพื่อน . . . ให้คุณซบไหล่ยามที่คุณร้องไห้ได้

2. เพื่อน . . . กำจัดความกลัวและความผิดหวังของคุณ และให้คำแนะนำที่เหมาะสม

3. เพื่อน . . . เคารพคุณด้วยความชื่นชมในสติปัญญา และความมีเสน่ห์ของคุณ และปฎิบัติต่อคุณเป็นอย่างดี

4. เพื่อน . . . ทำให้คุณรู้สึกพิเศษในโอกาสที่สำคัญอย่างเช่นวันเกิดคุณ

5. เพื่อน . . . เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่คุณในการเป็นเพื่อน เพื่อคุณจะนำไปปฏิบัติกับเพื่อนร่วมงาน และเป็นเพื่อนที่ดีของคนอื่นๆ อีก

6. เพื่อน . . . ช่วยเหลือคุณจากพวกที่เข้ามาคุยกับคุณ แบบไม่ยอมเลิกในงานปาร์ตี้

7. เพื่อน . . . ไม่สนใจว่า บนใบหน้าคุณจะมีตุ่มหรือแผลเป็นในยามที่คุณยังไม่ได้แต่งหน้า

8. เพื่อน . . . ให้คุณเล่นแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของเธอ

9. เพื่อน . . . ช่วยคุณเลือกซื้อหมวก เมื่อผมทรงใหม่สร้างความหายนะ

10. เพื่อน . . . พูดอย่างตื่นเต้นว่า "เราชอบหนังเรื่องสั้น" เวลาคุณแนะนำให้เธอไปเช่าวิดีโอเรื่องที่คุณชอบดูซ้ำซากมาดูอีกครั้ง

หากคุณและเพื่อนเริ่มรู้สึกถึงความห่างเหินและรู้สึกไม่ดีต่อกัน ควรจะนัดพบและหากิจกรรมทำร่วมกันอย่าง เช่น
1. หาซื้อรองเท้า (เธอไม่ห้ามคุณซื้อรองเท้าสีดำอีกคู่หรอก)

2. หาร้านนั่งจิบกาแฟ

3. ดูหนังแบบมาราธอนด้วยกัน

4. มานอนค้างคืนกันที่บ้าน นั่งทาเล็บกันแล้วหาขนมคบเคี้ยวกินแก้เซ็ง

5. เข้าร้านทำผม แล้วก็นั่งคุยเล่นกันระหว่างเสริมสวย



สิ่งที่รักษามิตรภาพไว้
1. การเคารพกัน

2. เสียงหัวเราะ

3. การโกหกเพื่ออีกฝ่าย

4. นั่งกินจังค์ฟู้ดกัน

5. ชื่นชมกันและกัน

6. อดทน

7. กอดกันบ่อยๆ


ไม่มีข้ออ้างที่จะทิ้งเพื่อน ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น หมั่นติดต่อกันเสมอๆ โดย

1. ไปเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายด้วยกัน เช่น ชวนกันไปตีเทนนิสหรือเข้าคอร์สฟิตเนสหลังเลิกงาน

2. ไปจิบกาแฟกันในวันหยุดสุดสัปดาห์

3. หาโปรแกรมหนังดีๆ ดูด้วยกัน สัก 2 ครั้งต่อเดือน

4. ส่งอีเมล์หรือบัตรอวยพรเขียนว่า "คิดถึงเธอจัง" ไปให้เพื่อน

5. กดโทรศัพท์มือถือไปทักทายเมื่อยามรถติด

6. ทำอาหารรับประทานด้วยกัน

มิตรภาพระหว่างเพื่อนยังมีอีกมากมายที่เพื่อนมีให้เพื่อน . . . อย่าให้ความรู้สึกเพียงเล็กน้อยมาทำลายมิตรภาพระหว่างคำว่าเพื่อนของเราเลย . . . เพื่อนยังไงก็คือเพื่อน โกรธกันอย่างไรก็ยังเป็นเพื่อน เพราะมิตรภาพระหว่างเพื่อน เปรียบเสมือนเส้นสายใย หล่อเลี้ยงทั้งกายใจ มั่นคงไว้แสนยาวนาน อาจจะโกรธกันบ้าง แต่สุดท้ายความเป็นเพื่อนของเราก็จะยังคงอยู่ต่อไป ^-^

24 กันยายน 2553

ระบบเลขฐานและตรรกศาตร์

ระบบฐาน

คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ ที่ต้องอาศัยตัวเลขและหลักการทางคณิตศาสตร์ ในการสร้างข้อมูลและการประมวลผล ซึ่งระบบเลขฐานที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ มี 4 ระบบ ได้แก่ ระบบเลขฐานสิบ ระบบเลขฐานสอง ระบบฐานแปด และระบบฐานสิบหก
1. ระบบเลขฐานสิบ (Decimal Numbering System)
ระบบเลขฐานสิบเป็นระบบที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น การนับจำนวนวัตถุ สิ่งของ หรือการนับจำนวนคน ระบบเลขฐานสิบใช้สัญลักษณ์ 10 ตัว ได้แก่ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 โดยตัวเลข 0 แทนค่าที่น้อยที่สุด เลข 9 แทนค่ามากที่สุด และจะเพิ่มค่าทีละหนึ่ง 2 3 … จนครบ 10 ตัว

2. ระบบเลขฐานสอง (Binary Numbering SyStem)
ข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลตัวเลข ตัวอักษร เสียง หรือรูปภาพนั้น เมื่อนำเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ จะทำการเข้ารหัสหรือแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปเลขฐานสอง และประมวลผลเสร็จแล้วจึงทำการแปลงข้อมูลกลับมาในรูปแบบที่มนุษย์เข้าใจ ระบบเลขฐานสอง ประกอบด้วยสัญลักษณ์เพียง 2 ตัว คือ 0 และ 1
3. ระบบเลขฐานแปด (Octal Numbering System)
ระบบฐานสิบไม่มีสัญลักษณ์สำหรับเลข 10 ระบบเลขฐานสองไม่มีสัญลักษณ์เลข 2 ดังนั้นในระบบเลขฐานแปดจึงไม่มีสัญลักษณ์เลข 8 สรุปได้ว่า สัญลักษณ์ที่ใช้ในระบบเลขฐานแปด มีจำนวนทั้งสิ้น 8 ตัว ได้แก่ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6 และ7
4. ระบบเลขฐานสิบหก (Hexadecimal Numbering System)
ในระบบเลขฐานสิบหกมีสัญลักษณ์ที่ใช้ในระบบเลขฐานสิบหก จำนวน 16 ตัว ได้แก่ 0, 1,2,3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, A, B, C, E, F


ตรรกศาตร์

สมัยก่อนบางครั้งเรียกคอมพิวเตอร์ว่า "สมองอิเล็กทรอนิกส์""เพราะมีความสามารถในการแก้ปัญหาได้ถูกต้องจนน่าประหลาด
ใจในความเป็นจริงแล้วคอมพิวเตอร์มิได้มีสิ่งใดที่เหมือนสมองมนุษย์ซึ่งแก้ปัญหาชนะคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดายเพราะบ่อยครั้งที่
คอมพิวเตอร์มิได้มีสิ่งใดที่เหมือนสมองมนุษย์ซึ่งแก้ปัญหาชนะคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดายเพราะบ่อยครั้งที่คอมพิวเตอร์มักจะสับสน
กับปริศนาทางตรรกศาสตร์อยู่เสมอพีชคณิตบูลีน(Boolean algebra)ช่วยให้เราแก้ปัญหาไปทีละขั้นจนได้ข้อสรุปที่ถูกต้องนี่ก็คือสิ่งที่
คอมพิวเตอร์ทำได้เร็วกว่ามนุษย์นับเป็นล้านๆเท่าวิศวกรให้ความสามารถด้านนี้แก่คอมพิวเตอร์โดยใส่กฎทางตรรกศาสตร์เข้าไปในวง
จรอิเล็กทรอนิกส์เรียกว่า "เกต" (gate)ซึ่งสวิตซ์สจะเปิดหรือปิดเมื่อสัญญาณเข้ามีการผสมผสานที่ถูกต้องการแสดงผลเชิงตัวเลขทำ
ได้โดยการเชื่อมโยงเกตเข้าด้วยกันภายใต้กฎเกณฑ์ที่กำหนด

ดอกไม้ประจำวันเกิด


เกิดวันอาทิตย์

ต้นไม้ประจำวันเกิด เป็นต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม

ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิด เป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์

คนเกิดวันนี้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือล้น เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย


เกิดวันจันทร์

ต้นไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี

ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเพราะคนวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน


เกิดวันอังคาร

ต้นไม้ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุข

ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้


เกิดวันพุธ

ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร ดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรัก สันติภาพ

ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน


เกิดวันพฤหัสบดี

ต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ

ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักงายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ


เกิดวันศุกร์

ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน

ส่วนดอกไม้ของเธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือ หรือจะเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอแลตว่า "ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอน ไปครองอีกดอกหนึ่ง


เกิดวันเสาร์

จะมีต้นไม้พวกต้นกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด

ดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว